การเสวนาในหัวข้อ “Assets: From Concrete to Ether” บนเวที World Economic Forum 2024 ได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์ในตลาดการเงินจากรูปแบบดั้งเดิมสู่สินทรัพย์ดิจิทัลผ่านกระบวนการ Tokenization โดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมระดับโลก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตและการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในหลากหลายภาคธุรกิจ
ขอทำความเข้าใจ Tokenization เป็นขั้นตอนสำคัญใน Natural Language Processing (NLP) ที่ช่วยแบ่งข้อความออกเป็นหน่วยย่อย เพื่อให้ระบบ AI, Machine Learning และคอมพิวเตอร์สามารถทำงานกับข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษา, วิเคราะห์ข้อมูล, หรือพัฒนา AI Chatbot อย่าง ChatGPT 🚀

Stablecoins และโทเค็นทางการเงิน: จุดเริ่มต้นของ Tokenization
Jeremy Allaire ซีอีโอของ Circle กล่าวว่าตลาด Stablecoins อย่าง USDC และ USDT กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการทำธุรกรรมมูลค่ามหาศาลในระดับโลก โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์ และมีการทำธุรกรรมกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของ Tokenization ในระบบการเงิน
“ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเห็นสินทรัพย์ทุกประเภท ตั้งแต่พันธบัตร ไปจนถึงหุ้นและอนุพันธ์ ถูกแปลงเป็นโทเค็นและดำเนินธุรกรรมผ่านบล็อกเชน” อัลแลร์กล่าว
ความท้าทายด้านกฎระเบียบและเสถียรภาพของระบบการเงิน
Mark Bell de Jessey ซีอีโอของ CLS Bank International เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นด้านกฎระเบียบข้ามพรมแดน (cross-jurisdictional regulation) และการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน “การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในตลาดการเงินต้องคำนึงถึงความมั่นคงของระบบและกฎระเบียบที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีอย่างผิดกฎหมาย” เขากล่าว
ตะวันออกกลาง: ศูนย์กลางของ Tokenization ในอสังหาริมทรัพย์
Ola Doudin ซีอีโอของ BitOasis ระบุว่าตลาดตะวันออกกลาง โดยเฉพาะดูไบ กำลังเป็นผู้นำในการใช้ Tokenization ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมีโครงการมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ที่ร่วมมือกับบริษัทบล็อกเชนเพื่อออกโทเค็นอสังหาริมทรัพย์ “Tokenization ช่วยให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มีสภาพคล่องมากขึ้น และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น” เธอกล่าว

ประเทศไทย: ผู้นำแห่งอาเซียนในตลาด Tokenization
ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซีอีโอของ Bitkub Capital Group Holdings ชี้ให้เห็นว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากที่สุด โดย “1 ใน 7 คนไทยใช้แอป Bitkub” และตลาดโทเค็นอสังหาริมทรัพย์ได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศ โดยบริษัท Origin Group ได้ระดมทุนกว่า 50 ล้านดอลลาร์ผ่านแพลตฟอร์ม Bitkub
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงแผนการพัฒนาโทเค็นคาร์บอนเครดิต และโทเค็นพลังงานไฟฟ้า รวมถึงโครงการนำร่องของรัฐบาลไทยที่กำลังพัฒนา Stablecoins สำหรับการใช้งานในภาคการท่องเที่ยว เช่นที่จังหวัดภูเก็ต
“ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นโทเค็นในภาคอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และคาร์บอนเครดิตขยายตัวอย่างรวดเร็ว” ท๊อปกล่าว
อนาคตของ Tokenization และข้อควรระวัง
แม้ว่า Tokenization จะเปิดโอกาสใหม่ให้กับระบบการเงินและการลงทุน แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องของตลาดและการกำกับดูแล อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกฎหมาย และต้องมีมาตรฐานกลางเพื่อรองรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า Tokenization คืออนาคตของตลาดการเงิน โดยมีศักยภาพที่จะทำให้ระบบการเงินทั่วโลกมีความโปร่งใส ปลอดภัย และเข้าถึงได้มากขึ้น หากมีการกำกับดูแลที่เหมาะสม
บทสรุป
เวทีเสวนานี้แสดงให้เห็นว่า Tokenization กำลังเป็นกระแสหลักในตลาดการเงินโลก และมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิธีการลงทุน ซื้อขาย และจัดเก็บมูลค่าของสินทรัพย์ ตั้งแต่ Stablecoins ไปจนถึงโทเค็นอสังหาริมทรัพย์และคาร์บอนเครดิต แม้ว่าจะยังมีความท้าทายในเรื่องกฎระเบียบและมาตรฐานทางกฎหมาย แต่แนวโน้มของอุตสาหกรรมนี้ชี้ให้เห็นว่ามันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจดิจิทัล
ข้อมูล https://www.weforum.org/