‘ลงมือทำจะสำเร็จหรือไม่ ต้องลองทำถึงจะรู้ เริ่มจากทำในสิ่งเล็กๆ ทำจากสิ่งที่เราชอบ กับความกล้า บ้า ในการทำสื่อ’
น่าสนใจครับ กับมุมมองและ passion ในการทำข่าว บริหารสื่อ ยุคแรกๆ สู่การปรับตัวสู่ยุค tech,AI ในวัย 78 ปี ของ สุทธิชัย หยุ่น
วันนี้เรามาถอดบทเรียนชีวิตและความสำเร็จ ตำนานแห่งวงการสื่อสารมวลชนไทยกันครับ
ในโลกแห่งสื่อสารมวลชน ชื่อของ “สุทธิชัย หยุ่น” ยืนเด่นเป็นสง่าด้วยบทบาทผู้ทรงอิทธิพลในวงการข่าวสารมากว่าหลายทศวรรษ ด้วยความมุ่งมั่นในอุดมการณ์และการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย สาระสำคัญในบทสัมภาษณ์รายการ มนุษย์ต่างวัย Talk สะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความท้าทายและบทเรียนที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ
เส้นทางสู่ความเป็นเลิศ
สุทธิชัย หยุ่น เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางล่างที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในชีวิต พื้นฐานของครอบครัวที่เคร่งครัดและมีวินัยได้ปลูกฝังให้เขาเรียนรู้การบริหารเวลาและทรัพยากรตั้งแต่วัยเยาว์ ความขยันขันแข็งและการเห็นคุณค่าของการศึกษาเป็นเสาหลักที่ทำให้เขาสามารถก้าวสู่เส้นทางนักข่าวได้สำเร็จ
แม้ในวัยเด็กจะพบความท้าทาย แต่สุทธิชัยไม่เคยย่อท้อ เขายืนยันที่จะออกจากบ้านไปกรุงเทพฯ ด้วยความเชื่อมั่นว่า “การลงมือทำอย่างเต็มที่และปล่อยให้สิ่งที่เหลืออยู่ในมือของโชคชะตา” จะนำไปสู่ความสำเร็จ การทำงานครั้งแรกในกรุงเทพฯ เงินเดือนก้อนแรกของเขาถูกส่งกลับไปช่วยครอบครัวทั้งหมด เป็นเครื่องยืนยันถึงความกตัญญูที่ไม่เคยจางหาย
ความเข้มงวดและวินัยจากครอบครัว
ครอบครัวหล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่มีวินัยและมุ่งมั่น ตั้งแต่การกินข้าวพร้อมหน้ากันทุกเย็นไปจนถึงการยืนกรานในเรื่องการศึกษา
พ่อของเขาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างมาก และเชื่อมั่นว่าการศึกษาคือเครื่องมือสำคัญในการก้าวข้ามความยากลำบาก โดยพ่อมักกำชับให้สุทธิชัยเรียนภาษาอังกฤษและภาษาจีน เพื่อเพิ่มโอกาสในชีวิต แม้ต้องเสียสละรายได้จำนวนมากเพื่อจ่ายค่าเรียน
“พ่อแม่ผมไม่ค่อยพูดแสดงความรักหรือภูมิใจแบบชัดเจน แต่ผมรู้จากการกระทำว่าทุกอย่างที่พวกเขาทำคือเพื่ออนาคตของลูก” สุทธิชัยกล่าว
อุดมการณ์ของนักสื่อสาร
สุทธิชัยกล่าวว่า การเป็นนักข่าวไม่ใช่อาชีพที่ทำเพื่อความร่ำรวยหรือชื่อเสียง แต่คือการทำหน้าที่ที่สร้างคุณค่าให้กับสังคม “เมื่อสังคมลำบาก เราไม่สามารถถอยหรือยอมแพ้ได้” นี่คือความคิดที่ผลักดันให้เขายืนหยัดในอาชีพที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความกดดัน
เขาเน้นถึงความสำคัญของการตั้งคำถามที่ถูกต้องและค้นหาคำตอบที่สังคมควรรู้ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้มีอำนาจหรือการถูกคุกคามจากการทำหน้าที่ เขาเชื่อมั่นว่าการส่องไฟไปยังมุมมืดของสังคมเป็นภารกิจที่ขาดไม่ได้
การสร้าง “เนชั่นกรุ๊ป”
ในช่วงเวลาที่การสื่อสารภาษาอังกฤษยังถูกครอบงำโดยต่างชาติ สุทธิชัยและทีมงานตัดสินใจก่อตั้ง “เนชั่น” หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เน้นเนื้อหาเฉพาะของไทย ความท้าทายในช่วงเริ่มต้นคือการหาเงินทุนและบุคลากรที่มีความสามารถ รวมถึงการต้องเผชิญกับตลาดที่มีผู้เล่นรายใหญ่ครอบงำ
แม้จะถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สุทธิชัยกลับมองว่าเป็นโอกาส เขาเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากความมุ่งมั่นและการสร้างสิ่งใหม่ที่แตกต่าง หนังสือพิมพ์ The Nation กลายเป็นตัวแทนของสื่อภาษาอังกฤษที่มุ่งนำเสนอข่าวสารในมุมมองของคนไทย และประสบความสำเร็จในการดึงดูดกลุ่มผู้อ่านที่หลากหลาย
ความเป็นผู้นำและการบริหารองค์กร
สุทธิชัยกล่าวว่าการเป็นผู้นำในองค์กรที่เน้นงานสื่อสารต้องใช้ทั้งวิสัยทัศน์และความเข้าใจในธรรมชาติของงาน เขาย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมีความภูมิใจในผลงาน
เขาเล่าถึงการทำงานในช่วงแรกที่ต้องพบกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์และอุปสรรคต่าง ๆ แต่เขาใช้หลักคิดที่ว่า “ถ้าไม่ลอง คุณจะไม่มีวันรู้ว่าคุณทำได้” เพื่อผลักดันทีมงานให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
แรงกดดันจากผู้มีอำนาจ
ในยุคที่สื่อมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสังคม สุทธิชัยและองค์กรของเขาต้องเผชิญกับการคุกคามจากผู้มีอำนาจ ทั้งในรูปแบบการปิดกั้นข่าวสาร การประกาศข้อกล่าวหาว่าเป็นศัตรูของรัฐ หรือแม้แต่การข่มขู่ส่วนตัว
“เราเคยถูกประกาศชื่อว่าเป็นคอมมิวนิสต์ และเตรียมจะถูกจับ ผมต้องเก็บกระเป๋าและเตรียมเสื้อผ้าไว้เพื่อหนี แต่ก็ยังคงทำหน้าที่สื่อสารความจริงต่อไป” เขากล่าว
การปรับตัวในยุคดิจิทัล
เมื่อเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาท สุทธิชัยไม่เคยหยุดที่จะปรับตัว เขาเห็นโอกาสในโลกออนไลน์และนำแนวคิดนั้นมาใช้ในองค์กรของเขา การเปลี่ยนผ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์สู่แพลตฟอร์มดิจิทัลถือเป็นความท้าทายใหญ่ แต่สุทธิชัยใช้วิธีการทดลองและเรียนรู้จากสิ่งใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง
เขาย้ำถึงการสร้างเนื้อหาคุณภาพที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเชื่อว่าการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคใหม่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การปรับตัวในยุคดิจิทัล
แม้โลกของสื่อจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว สุทธิชัยกลับมองว่านี่คือโอกาสมากกว่าภัยคุกคาม เขากล่าวว่าเทคโนโลยีได้ทำให้การสื่อสารมีผลกระทบที่กว้างไกลขึ้น และคนยังคงโหยหาสื่อสารมวลชนที่เจาะลึกและสร้างความหมาย
บทเรียนจากการทำสื่อและบริษัท
- กล้าคิดและกล้าทำ: สุทธิชัยเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากความกล้าที่จะทดลองและความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ
- ยึดมั่นในคุณค่า: แม้ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากผู้มีอำนาจหรือปัญหาเศรษฐกิจ เขายังคงยึดมั่นในจรรยาบรรณของสื่อ
- การปรับตัวตลอดเวลา: การเรียนรู้สิ่งใหม่และปรับเปลี่ยนตามความต้องการของสังคมทำให้เขาและองค์กรยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
การสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่
สุทธิชัยมองว่าการส่งต่อคุณค่าของงานสื่อสารให้คนรุ่นใหม่เป็นสิ่งสำคัญ เขาเชื่อว่าคนรุ่นใหม่มีศักยภาพและเครื่องมือมากมายที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมผ่านสื่อ
“การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งสำคัญคือต้องกล้าทำ และเรียนรู้จากสิ่งที่ได้ทำ”
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า เขาได้ริเริ่มโครงการข่าวสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อเข้าถึงผู้ชมยุคใหม่ การปรับตัวอย่างไม่หยุดยั้งเป็นสิ่งที่เขาย้ำว่าเป็นกุญแจสำคัญของความอยู่รอดในทุกสายอาชีพ
สารจากสุทธิชัย
บทเรียนจากชีวิตของสุทธิชัยคือแรงบันดาลใจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง: “Do your best, and the rest will take care of itself.” ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ความตั้งใจและการลงมือทำคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
สุทธิชัย หยุ่น ไม่เพียงเป็นตำนานในวงการสื่อสารมวลชนไทย แต่ยังเป็นแบบอย่างของคนที่ใช้ความมุ่งมั่นและความเชื่อในอุดมการณ์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลทางรายการครับ
รับชมทั้งหมดได้ทาง รายการ มนุษย์ต่างวัย Talk 2 EP.33 ทางช่อง Manoottangwai https://youtu.be/N9pbgGvBy1s?si=j8wcaJ0CSePAGedF