หนังสือเล่มนี้นำเสนอ 10 แนวทาง ที่จะช่วยให้ผลงานและความคิดสร้างสรรค์ของเราถูกค้นพบมากขึ้น ผ่านการเปิดเผยและแบ่งปันสิ่งที่เราทำอย่างสร้างสรรค์ในชีวิตประจำวัน หนังสือเน้นการปรับมุมมองและพฤติกรรมในการทำงานสร้างสรรค์ เพื่อให้เรากล้าแสดงผลงาน โดยเน้นวิธีนำไปใช้ได้จริง ในชีวิต ดังนี้:
1. คุณไม่ต้องเป็นอัจฉริยะ
แนวคิด: เราไม่จำเป็นต้องเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ระดับอัจฉริยะถึงจะแชร์งานของเราได้ ความคิดสร้างสรรค์ที่โดดเด่นไม่ได้หมายความว่าต้องมีมาตั้งแต่กำเนิด แต่หลายครั้งมาจากการเรียนรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่า งานดีๆ ไม่ได้เกิดขึ้นจากคนคนเดียวในที่ลับ แต่เกิดจากการแลกเปลี่ยนความคิดในชุมชน “อัจฉริยะกลุ่ม” (scenius) ที่คนช่วยเหลือและส่งต่อแรงบันดาลใจกัน (Show Your Work! by Austin Kleon – Summary & Notes | Christian B. B. Houmann). ดังนั้น ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ แม้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ตาม
วิธีนำไปใช้:
- เข้าร่วมชุมชนและแบ่งปัน: ลองเข้ากลุ่มหรือชุมชนที่สนใจเรื่องเดียวกับคุณ แล้วแชร์ไอเดียหรือผลงานเล็กๆ ของคุณลงไป การเป็นส่วนหนึ่งของวงการจะช่วยให้คุณได้ไอเดียใหม่ๆ และแรงสนับสนุนซึ่งกันและกัน
- คิดแบบ “มือสมัครเล่น”: อย่ากลัวว่าตัวเองไม่เก่งพอ แต่ให้รักษาความอยากรู้อยากเห็นและพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่เสมอ แบบที่ “นักเรียน” หรือมือสมัครเล่นพึงมี (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) สิ่งนี้จะทำให้คุณกล้าลองลงมือทำและแบ่งปันมากขึ้น โดยไม่กลัวว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ
2. คิดเหมือนนักเรียน
แนวคิด: จงคิดแบบนักเรียนผู้ใฝ่รู้ตลอดเวลา แทนที่จะคิดแบบผู้เชี่ยวชาญที่รู้ทุกอย่าง การคงจิตวิญญาณของผู้เริ่มต้นไว้ทำให้เราเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้เสมอ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). Kleon แนะนำว่าเราควรมีท่าทีแบบมือสมัครเล่นที่ยอมรับความไม่แน่นอนและตระหนักว่ายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากบนโลกใบนี้ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) การคิดแบบนี้จะทำให้เราไม่หยุดพัฒนาตัวเองและกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่อยู่ตลอด

วิธีนำไปใช้:
- เรียนรู้แบบเปิดใจ: ทุกครั้งที่สนใจอะไร ให้ศึกษาอย่างเต็มที่เหมือนนักเรียนที่เริ่มต้นจากศูนย์ อย่าคิดว่าตัวเองรู้พอแล้ว
- เรียนรู้ ไปพร้อมกับ การลงมือทำ: ถ้ามีทักษะหรือความรู้อะไรที่คุณอยากเชี่ยวชาญ ให้ลงมือทำโปรเจ็กต์ที่เกี่ยวข้องแล้วเรียนรู้ไปในตัว การเรียนรู้ของคุณจะเร็วขึ้นเมื่อมีการปฏิบัติจริง
- ยอมรับความไม่รู้: หากเจอปัญหาหรือเรื่องที่ไม่เข้าใจ จงไม่อายที่จะถามหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น การยอมรับว่าตัวเองยังไม่รู้ทุกอย่างคือหัวใจของการคิดแบบนักเรียน
3. แชร์กระบวนการของคุณ
แนวคิด: อย่าเก็บงำวิธีการทำงานหรือขั้นตอนเบื้องหลังผลงานไว้คนเดียว จงแบ่งปันกระบวนการ สร้างสรรค์ของคุณให้ผู้อื่นได้เห็น เพราะความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่แค่ว่า เราทำอะไร แต่รวมถึง เราทำอย่างไร ด้วย (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). การเปิดเผยขั้นตอนการทำงานจะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจผลงานของเรา พวกเขาจะรู้สึกมีส่วนร่วมและเข้าใจคุณค่าของงานเรามากขึ้น ซึ่งอาจเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือผู้สนับสนุนได้ในอนาคต (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) อีกทั้งการบันทึกและแชร์วิธีการยังเป็นการทบทวนตัวเอง ทำให้เราเห็นผลงานชัดขึ้นและพัฒนาขึ้นด้วย
วิธีนำไปใช้:
- บันทึกขั้นตอนการทำงาน: จดบันทึกหรือถ่ายรูปขั้นตอนการสร้างงานของคุณเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นภาพร่าง, ฉากหลังการทำงาน, เครื่องมือที่ใช้ หรือปัญหาที่พบ
- เล่าเบื้องหลังผลงาน: เมื่อนำเสนอผลงาน ลองเขียนบรรยายเพิ่มเติมว่าแนวคิดนี้มาจากไหน คุณแก้ปัญหาอย่างไร หรือใช้เทคนิคอะไร สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ทำให้ผู้ชมเข้าใจงานมากขึ้นและเห็นถึงความทุ่มเทของคุณ
- แบ่งปันเคล็ดลับ: หากคุณมีวิธีทำงานที่มีประสิทธิภาพหรือทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่ค้นพบระหว่างทำงาน ให้ลองแชร์บนโซเชียลมีเดียหรือบล็อกของคุณ คนที่สนใจเรื่องเดียวกันจะซาบซึ้งและมองว่าคุณใจกว้างน่าติดตาม
4. เปิดตัวให้โลกเห็นทุกวัน
แนวคิด: ทำตัวเองให้มองเห็นได้ (Be findable) ด้วยการขยันแชร์สิ่งที่คุณทำอย่างสม่ำเสมอ ประหนึ่งว่า “เปิดร้าน” แสดงตัวตนของคุณให้โลกเห็นทุกวัน ยิ่งคุณใส่ตัวเองเข้าไปในสายตาคนมากเท่าไร โอกาสที่จะพบเจอผู้ชมหรือผู้ร่วมงานที่ใช่ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น (Show Your Work! by Austin Kleon – Summary & Notes | Christian B. B. Houmann). Kleon แนะนำให้เราบรรจุ “การโปรโมทตัวเอง” ลงในกิจวัตรประจำวันของเราเลย เพราะการทำงานเก่งอย่างเดียวอยู่เงียบๆ จะไม่ทำให้ใครรู้จักเราได้ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) ดังนั้นควรหมั่น โชว์ผลงานหรือไอเดียเล็กๆ ทุกวัน – ไม่ต้องใหญ่โตหรือสมบูรณ์แบบ แค่สม่ำเสมอก็พอ
วิธีนำไปใช้:
- แชร์สิ่งเล็กๆ หลังเลิกงานแต่ละวัน: เมื่อคุณทำงานเสร็จในแต่ละวัน ให้เลือกสิ่งเล็กๆ สักอย่างมาโพสต์ อาจเป็นรูปงานที่กำลังทำ แนวคิดที่ได้เรียนรู้ หรือสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจคุณในวันนั้นก็ได้ (Show Your Work! by Austin Kleon – Summary & Notes | Christian B. B. Houmann)
- สร้างพื้นที่ออนไลน์ของตัวเอง: หากเป็นไปได้ให้ทำเว็บไซต์หรือบล็อกส่วนตัวที่รวบรวมผลงานและความคิดของคุณ (จะใช้ชื่อจริงหรือฉายาก็ได้) แล้วอัปเดตเป็นประจำ อย่าให้ที่ตรงนี้ร้าง เพราะมันคือหน้าร้านของคุณบนโลกออนไลน์ (Book Summary: Show Your Work by Austin Kleon – To Summarise)
- ทำให้การแชร์เป็นนิสัย: อาจตั้งเป้าหมายว่าจะโพสต์งานหรือไอเดียทุกวัน (หรือทุกสัปดาห์) เพื่อสร้างความต่อเนื่อง ช่วงแรกอาจต้องเตือนตัวเอง แต่พอทำบ่อยๆ จะกลายเป็นเรื่องปกติ โดยอย่าลืมว่าที่โพสต์ไปไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็กต์ทุกครั้งก็ได้ (Show Your Work! by Austin Kleon – Summary & Notes | Christian B. B. Houmann)
5. เล่าเรื่องที่ดี
แนวคิด: งานของเราไม่อาจเล่าเรื่องของมันเองได้ – หน้าที่นั้นเป็นของเราในฐานะผู้สร้างผลงาน (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). การเล่าเรื่องที่มาที่ไปหรือแรงบันดาลใจของงานจะเพิ่มคุณค่าและเสน่ห์ให้ผลงานทันที ผู้ชมจะรู้สึกเชื่อมโยงและจดจำงานของเราได้มากขึ้น เพราะมนุษย์จดจำเรื่องราวได้ดีพอๆ กับจดจำรูปร่างสีสันของตัวงานเลยทีเดียว (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) ดังนั้นควรฝึกเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี ให้คนฟัง อิน ไปกับสิ่งที่คุณทำ
เรื่องเล่าที่ดีมักประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ):
- อดีต (จุดเริ่มต้น): บอกที่มาที่ไปว่าก่อนจะมาถึงจุดนี้ คุณได้ผ่านอะไรมาบ้าง ต้องการอะไร แต่เดิมมีแรงบันดาลใจหรือปัญหาใดเป็นตัวจุดประกาย (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ)
- ปัจจุบัน (ความก้าวหน้า): เล่าว่าตอนนี้คุณมาไกลแค่ไหน ผลงานอะไรบ้างที่สำเร็จแล้ว และคุณรู้สึกภูมิใจหรือได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ)
- อนาคต (เป้าหมาย/ความฝัน): ส่วนนี้สำคัญมาก คือการบอกวิสัยทัศน์หรือสิ่งที่คุณใฝ่ฝันในอนาคต ทำให้คนฟังเห็นภาพตามและรู้สึกตื่นเต้นไปกับเป้าหมายนั้น ชวนให้พวกเขามีส่วนร่วม ในเส้นทางสู่ความฝันนี้ของคุณ (รู้สึกเหมือนได้เป็นฮีโร่ที่ช่วยให้คุณไปถึงฝั่งฝัน) (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ)
วิธีนำไปใช้:
- เชื่อมโยงงานกับประสบการณ์ส่วนตัว: เวลาอธิบายผลงาน ลองเล่าว่าไอเดียนี้มาได้อย่างไร อาจมาจากประสบการณ์วัยเด็กหรือเหตุการณ์ที่พบเจอ ซึ่งเป็นการแชร์ตัวตนของคุณให้ผู้ฟังรู้จักมากขึ้น
- ใช้ภาษาง่ายและจริงใจ: ไม่ต้องพยายามใช้คำสวยหรูหรือวิชาการเกินไป ให้เล่าเหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง เน้นความจริงใจและเข้าถึงง่าย จะทำให้เรื่องราวของคุณน่าสนใจและน่าเชื่อถือขึ้น
- สร้างความขัดแย้งหรือจุดหักเห: เรื่องเล่าที่ดีมักมีจุดหักเหหรือปัญหาที่ต้องแก้ (เหมือนสุภาษิตที่ว่า “แมวนั่งบนเสื่อของหมา” ถึงจะเป็นเรื่องเล่า) ผู้ฟังจะเอาใจช่วยมากขึ้น ลองเน้นเล่าว่าคุณเจออุปสรรคอะไรและผ่านมันมาได้อย่างไร
6. สอนสิ่งที่คุณรู้
แนวคิด: อย่ากั๊กความรู้หรือประสบการณ์ของตัวเองไว้คนเดียว ยิ่งคุณแบ่งปันความรู้มากเท่าไร คุณจะยิ่งได้รับกลับคืนมามากเท่านั้น (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). เมื่อครั้งหนึ่งเราเองก็เคยต้องการความรู้และคำแนะนำจากผู้อื่น ฉะนั้นพอถึงเวลาที่เรารู้พอจะสอนได้ ก็ควรเปิดใจและซื่อสัตย์ในการถ่ายทอดให้ผู้อื่นบ้าง (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) ไม่ต้องกลัวว่าการสอนคนอื่นแล้วเขาจะเก่งมาแข่งกับเรา เพราะการแบ่งปันไม่ได้ทำให้ตัวเราเสียอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับช่วยตอกย้ำความชำนาญของเรา และสร้างเครือข่ายของความเอื้อเฟื้อที่ในอนาคตสิ่งดีๆ จะย้อนกลับมาตอบแทนเราเอง (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ).
วิธีนำไปใช้:
- แบ่งปันเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ: หากคุณมีทริคหรือเทคนิคในงานของคุณที่คนอื่นอาจจะไม่รู้ ลองเขียนโพสต์หรือทำวิดีโอสั้นๆ สอนเรื่องนั้น เช่น วิธีใช้เครื่องมือบางอย่างให้มีประสิทธิภาพ หรือขั้นตอนที่คุณค้นพบเอง
- ตอบคำถามและให้คำแนะนำ: เมื่อมีคนถามถึงวิธีทำผลงานแบบคุณ หรือขอคำแนะนำ อย่าหวงความรู้ ให้คำตอบอย่างเต็มใจ การช่วยเหลือคนอื่นจะสร้างชื่อเสียงที่ดีและมิตรภาพในวงการ
- สร้างคอนเทนต์ให้ความรู้: คุณอาจเขียนบทความ “วิธีทำ…” หรือ “สิ่งที่ฉันเรียนรู้จาก…” เพื่อสอนผู้อื่น สิ่งนี้นอกจากจะช่วยคนอื่นแล้ว ยังทำให้คุณทบทวนความรู้ตัวเองและยิ่งเชี่ยวชาญขึ้นด้วย (ฝึกฝนการอธิบาย = ฝึกฝนความเข้าใจ)
7. อย่ากลัวที่จะถูกขโมยไอเดีย
แนวคิด: หลายคนไม่กล้าโชว์งานหรือแชร์ไอเดียดีๆ เพราะกลัวคนอื่นขโมยความคิดไป แต่ Kleon กลับบอกว่า ให้เปิดโอกาสให้คนขโมยผลงานเราไปเลย! ยิ่งมีคนเอาไอเดียหรือผลงานเราไปใช้มากเท่าไร ตัวเราก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). การที่ผลงานหรือความคิดของเราถูกลอกเลียนหรือถูกนำไปต่อยอด แปลว่าแนวคิดของเราได้กระจายสู่วงกว้าง และชื่อเสียงหรืออิทธิพลของเราก็ขยายตามไปด้วย นอกจากนี้ การแชร์ออกไปอย่างเปิดเผยยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือว่าเราเป็นต้นธารไอเดียนี้จริง (เพราะเรากล้าโชว์ก่อน) มากกว่าการเก็บเงียบไว้แล้วมีคนอื่นทำออกมาก่อน
อีกมุมหนึ่งคือ การแชร์ไอเดียไม่มีอะไรต้องเสีย – เราไม่ได้สูญเสียความคิดนั้นไปจากตัวเราเลย แถมยังได้รับความคิดเห็นและการต่อยอดกลับมาเกินคุ้มด้วยซ้ำ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) ความคิดสร้างสรรค์ยิ่งใช้ยิ่งงอกเงย ดังนั้นอย่าปิดกั้นตัวเองด้วยความกลัวว่าจะโดนขโมยไอเดีย
วิธีนำไปใช้:
- ปล่อยของ: ถ้าคุณมีไอเดียดีๆ ที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรกับมัน ลองเขียนบล็อกหรือทวีตเล่าแนวคิดนั้นออกไป ดูว่าคนอื่นจะคิดเห็นหรือนำไปใช้อย่างไร การปล่อยไอเดียเหมือนการโยนเมล็ดพืชลงดิน บางเมล็ดอาจไม่งอก แต่บางเมล็ดอาจเติบโตกลายเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง (ซึ่งคุณก็มีส่วนให้มันเกิดขึ้น)
- ใช้ไอเดียซ้ำในทางที่สร้างสรรค์: ถ้าใครนำไอเดียคุณไปใช้แล้วต่อยอดได้ไกล ให้ความชื่นชมและเรียนรู้จากสิ่งที่เขาทำ อย่ามองว่าเป็นการขโมยแต่มองว่าเป็นการ แลกเปลี่ยน แนวคิด ซึ่งกันและกัน ครั้งหน้าถ้าคุณได้ไอเดียมาจากคนอื่นบ้าง ก็อย่าลืมให้เครดิตเขาเช่นกัน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการแบ่งปันที่ดี
- อย่ายึดติดกับความเป็นเจ้าของ: ปล่อยวางความคิดที่ว่า “ของๆ ฉัน” ให้คิดว่าไอเดียเมื่อถูกแชร์ออกไปแล้ว มันเป็นของชุมชน ความคิดนี้จะทำให้คุณรู้สึกอิสระที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ต่อไป โดยไม่มัวหวงสิ่งเก่าที่คิดขึ้นมา
8. หาเครือข่ายที่ดี
แนวคิด: อย่าเป็นมนุษย์ใบปลิว ที่เอาแต่ยัดเยียดผลงานตัวเองให้คนอื่นโดยไม่สนใจฟังใคร (SHOW YOUR WORK มีของดีต้องให้คนอื่นขโมย (ฉบับปรับปรุง)Books | ร้านหนังสือนายอินทร์) (เปรียบเสมือนคนที่ยืนแจกใบปลิวโฆษณาโดยไม่ดูเลยว่าคนรับสนใจไหม) การกระทำแบบนั้นไม่ช่วยให้เกิดเครือข่ายที่มีคุณค่าอะไรเลย Kleon แนะนำให้สร้าง เครือข่ายคุณภาพ โดยการเป็นทั้ง ผู้ให้และผู้รับที่ดี – นั่นคือ ต้องรับฟังผู้อื่นด้วย ไม่ใช่เอาแต่พูด (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). การพูดคุยควรเป็นไปในลักษณะโต้ตอบสองทาง เราแชร์เรื่องของเราและเปิดพื้นที่ให้คนอื่นแชร์ความคิดเห็นหรือประสบการณ์ของเขาเช่นกัน คนจะรู้สึกมีส่วนร่วมและประทับใจที่เราเปิดใจรับฟัง มากกว่าจะชื่นชอบคนที่เอาแต่โอ้อวดตัวเองฝ่ายเดียว
นอกจากนี้ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผู้ติดตามมากกว่าปริมาณ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) เมื่อเริ่มมีคนติดตามผลงานเรา อย่าโฟกัสที่ตัวเลขผู้ติดตามว่ามีเท่าไร แต่ให้สนใจว่า ใคร คือคนที่ติดตามเรา และเขามีความสนใจสอดคล้องกับงานเราหรือไม่ คนติดตามหลักร้อยที่ชื่นชมงานเราอย่างจริงใจ ย่อมมีค่ามากกว่าคนตามเป็นหมื่นแต่ไม่เคยสนใจจริงๆ การมีเครือข่ายที่ดีหมายถึงมีวงคนที่พร้อมสนับสนุนและให้ความคิดเห็นที่มีคุณภาพกับเรา ในขณะเดียวกันเราก็ควรคัดกรองเสียงด้านลบที่ไม่เป็นประโยชน์ทิ้งไป ไม่ปล่อยให้พลังลบเหล่านั้นมากระทบจิตใจมากเกินไป (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ).
วิธีนำไปใช้:
- เป็นผู้ฟังที่ดีในชุมชน: ในโซเชียลมีเดียหรือกลุ่มงานของคุณ นอกจากโพสต์เรื่องของตนเองแล้ว ให้เวลาติดตามผลงานและความคิดเห็นของคนอื่นๆ ด้วย มีส่วนร่วมในบทสนทนาโดยตั้งใจฟัง ไม่ใช่รอแต่จะพูดแทรก
- ตอบสนองและช่วยเหลือผู้อื่น: หากมีคนคอมเมนต์หรือตั้งคำถามเกี่ยวกับงานของคุณ ให้ตอบกลับอย่างใส่ใจ และถ้าคุณเห็นคนอื่นมีคำถามที่คุณพอช่วยได้ ก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ การเป็นผู้ให้ในเครือข่ายจะสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
- เลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะ: ไม่จำเป็นต้องโปรโมตตัวเองทุกช่องทาง เลือกสื่อที่กลุ่มคนสนใจงานคุณใช้งาน เช่น ถ้าเป็นภาพหรือผลงานศิลปะก็อาจลง Instagram หรือ ArtStation, ถ้าเป็นบทความก็ลง Blog หรือ Medium โฟกัสที่ช่องทางที่ผู้ชมคุณภาพอยู่ แล้วสร้างปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมายกับพวกเขา
9. อยู่ได้นานกว่าคนอื่น
แนวคิด: ความสำเร็จต้องใช้เวลา คนที่ประสบความสำเร็จมักคือคนที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และยังคงทำสิ่งนั้นต่อไปแม้ช่วงแรกจะไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นการ “อยู่ให้นานกว่า” คนอื่นหมายถึง ความมุ่งมั่นและความอึดในการทำงานระยะยาว จนหลายๆ คนที่ท้อไปก่อนหลุดจากการแข่งขัน ในโลกสร้างสรรค์ มีคนเก่งมากมายเริ่มต้นพร้อมๆ กัน แต่คนที่จะฉายแววโดดเด่นคือคนที่ไม่ทอดทิ้งงานสร้างสรรค์ของตัวเองกลางคัน Orson Welles เคยกล่าวว่า “ตอนจบแบบมีความสุขจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณหยุดเล่าเรื่องเมื่อไร” นั่นคือถ้าเรื่องยังไม่จบ ความสำเร็จก็ยังมาไม่ถึง (Book Summary: Show Your Work by Austin Kleon – To Summarise).
Kleon แนะนำว่าเมื่อต้องเผชิญกับความสิ้นหวังหรือการถูกปฏิเสธ ให้ตั้งสติและเดินหน้าต่อ อย่าเสียเวลาจมกับมันนานเกินไปและที่สำคัญ อย่ายอมแพ้ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). ในการที่จะอยู่รอดในระยะยาว เราต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับคำวิจารณ์ “ให้ชิน” ราวกับการฝึกซ้อมรับหมัดบนสังเวียน: ยิ่งโดนบ่อยก็ยิ่งเจ็บน้อยลง (มีภูมิต้านทานมากขึ้น) นั่นเอง ผู้เขียนได้เสนอแนวทางในการรับมือกับคำวิจารณ์และความล้มเหลวไว้ เช่น (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ):
- ผ่อนคลายและหายใจลึกๆ: อย่าเกร็งหรือเครียดจนเกินไปเมื่อเจอฟีดแบ็กด้านลบ ตั้งสติให้มั่น ใจเย็นเข้าไว้
- พัฒนาตัวเองให้ “คอแข็ง”: เปรียบเหมือนนักมวยที่ต้องฝึกคอให้แข็งแรง การจะทนแรงวิจารณ์ได้เราก็ต้องเสริมความแกร่งทางใจ ด้วยการผลิตงานออกมาเรื่อยๆ และเปิดรับคำวิจารณ์เหล่านั้น ให้เวลากับมันน้อยลงเรื่อยๆ
- พร้อมสู้และปกป้องตัวเอง: ไม่ได้หมายถึงโต้เถียงกับทุกความเห็น แต่คือการเตรียมใจว่าจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบงานเรา เมื่อเจอคำวิจารณ์ให้แยกแยะส่วนที่นำมาปรับปรุงได้กับส่วนที่เป็นแค่คำติลบๆ แล้วจัดการกับมันอย่างเหมาะสม
- เก็บจุดเปราะบางไว้กับตัว: ถ้ามีงานไหนที่คุณรู้สึกผูกพันมากหรือบอบบางเกินกว่าจะรับคำวิจารณ์ ก็อาจเลือกที่จะไม่โพสต์สาธารณะ ทุกคนมีมุมที่อยากเก็บไว้ ฉะนั้นแชร์เฉพาะสิ่งที่ใจเราพร้อมจะได้รับความเห็นหลากหลาย
- รักษาสมดุลชีวิตให้ดี: อย่าให้การตอบรับงานมาเป็นตัวกำหนดคุณค่าในตัวคุณ มีชีวิตนอกเหนือจากงานคอยเติมเต็ม ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อน หรืองานอดิเรกอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยประคองใจเรายามที่งานโดนวิจารณ์หนักๆ และเตือนเราว่า คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นกับงานเพียงอย่างเดียว
การทนอยู่บนเส้นทางได้นานยังรวมถึงการรู้จักพักเมื่อจำเป็นด้วย หากทำงานหนักมาตลอด ควรหาเวลาพักผ่อนชาร์จพลังเพื่อไม่ให้หมดไฟกลางคัน (บางคนอาจลาพักยาวเป็นเดือนหรือเป็นปีเพื่อเติมไอเดียใหม่ๆ แล้วค่อยกลับมาลุยต่อ ซึ่งอาจฟังดูสุดโต่งแต่ก็ได้ผลมานักต่อนัก) (Book Summary: Show Your Work by Austin Kleon – To Summarise) สรุปคือ อย่ายอมแพ้หรือหยุดสร้างสรรค์ง่ายๆ คนอื่นอาจล้มเลิกไป แต่ถ้าเรายังยืนหยัดทำต่อ สุดท้ายโอกาสความสำเร็จจะเป็นของเรา
10. มีความอดทนและทำต่อไป
แนวคิด: ความอดทน คือคุณสมบัติสำคัญของนักสร้างสรรค์ที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราทำในวันนี้อาจยังไม่ได้รับการยอมรับทันที แต่มันคือการหว่านเมล็ดแห่งความสำเร็จที่ต้องใช้เวลาเติบโต เราต้องอดทนทำมันต่อไปทุกวัน ผลลัพธ์อาจจะยังไม่เห็นในสัปดาห์หรือเดือนหน้า แต่ในระยะยาวมันจะสะสมกลายเป็นผลงานชิ้นใหญ่ของชีวิตเราเอง (ไม่มีความสำเร็จชั่วข้ามคืน ทุกความสำเร็จ “ชั่วข้ามคืน” ล้วนมีความพยายามนับสิบปีซ่อนอยู่เบื้องหลัง (Show Your Work! by Austin Kleon – Summary & Notes | Christian B. B. Houmann))
นอกจากนี้ การยืนระยะได้นานยังหมายถึงการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เมื่อประสบความสำเร็จแล้วก็อย่านิ่งอยู่กับที่ แต่ให้ถามตัวเองว่า “ก้าวต่อไปคืออะไร?” พยายามผลักดันตัวเองออกจากเขตสบาย ลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทายความสามารถ เพื่อให้เรายังคงเติบโตต่อไป ไม่หยุดอยู่แค่จุดเดิม ผู้เขียนกล่าวว่า “งานไม่มีคำว่าเสร็จ มีแต่ถูกถอดทิ้ง” – ถ้าเราไม่ถอดใจเลิกทำเสียเอง งานของเราก็จะต่อยอดออกไปได้ไม่รู้จบ (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ).
วิธีนำไปใช้:
- ตั้งเป้าหมายระยะยาว: ลองวางเป้าหมายว่าในอีก 5 ปีหรือ 10 ปี คุณอยากให้ผลงานหรืออาชีพของคุณไปถึงจุดไหน การมีภาพระยะไกลจะช่วยให้คุณอดทนทำสิ่งเล็กๆ ในแต่ละวันได้แม้บางครั้งจะน่าเบื่อหรือเหนื่อยก็ตาม
- แบ่งงานใหญ่เป็นงานเล็ก: เพื่อไม่ให้ท้อแท้กับเป้าหมายใหญ่ๆ ให้แบ่งมันออกเป็นงานย่อยที่ทำได้ในแต่ละวัน แล้วโฟกัสทำไปทีละขั้น เหมือนการต่อเลโก้ทีละชิ้น จนวันหนึ่งเราจะเห็นภาพปราสาทที่เสร็จสมบูรณ์
- เรียนรู้จากความล้มเหลว: หากมีโปรเจ็กต์ไหนไม่เวิร์กหรือถูกปฏิเสธ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ใช้มันเป็นบทเรียน ปรับปรุง แล้วลองใหม่ อย่าลืมคำที่ว่า “เมื่อความสิ้นหวังและการปฏิเสธเข้ามา อย่าใช้เวลากับมันนานนัก…ก้าวต่อไปและอย่ายอมแพ้” (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) ชัยชนะมักเป็นของคนที่ไม่ยอมแพ้จริงๆ
บทสรุป: แนวทางทั้ง 10 ข้อนี้สอนให้เราเปิดใจและเปิดเผยผลงานออกสู่โลกอย่างสร้างสรรค์ แม้มันจะท้าทายความคิดเดิมๆ ที่เราเคยกลัวการโชว์ของหรือกลัวเสียหน้า แต่หากเราทำตามคำแนะนำเหล่านี้ เราจะได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่าเกินกว่าที่ลงทุนลงแรงไป ไม่ว่าจะเป็นการมีผู้ติดตามที่กลายมาเป็นลูกค้า การสร้างรายได้จากสิ่งที่รัก ผลงานและตัวตนที่เป็นที่รู้จัก รวมถึงโอกาสใหม่ๆ ที่ไหลเข้ามาพัฒนางานของเราให้ดียิ่งขึ้น – ดีกว่าการเก็บผลงานนั้นไว้คนเดียวจนสุดท้ายก็กลายเป็นแค่ความคิดสร้างสรรค์ที่ฝุ่นเกาะและอาจจะใช้ต่อไปไม่ได้เลย (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ). ดังนั้น “โชว์งานของคุณ” เถอะ แล้วคุณจะพบว่าการแบ่งปันอย่างจริงใจนำพาคุณไปสู่ความก้าวหน้าและโอกาสที่ไม่คาดฝันได้จริงๆ
แหล่งที่มา: Show Your Work! โดย Austin Kleon, แนวคิดจากหนังสือและสรุปใจความจากบทความ/รีวิวที่เกี่ยวข้อง (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ) (Show your work: 10 วิธีโชว์ผลงานแบบสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ)ฯลฯ ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากหนังสือฉบับเต็มและแหล่งข้อมูลอ้างอิงด้านล่าง
สนใจหาอ่านฉบับแปลไทยได้แล้ววันนี้ในร้านหนังสือทั่วไป และ Shoppee


Piyapon pongkaew
บรรณาธิการ / คอลัมนิสต์ ThinkerFriend
New Media Scholar and Data Analyst: MEDIA AI
contact : numsiam.pr@gmail.com