Pete Hegseth จากนักข่าว Fox News สู่ รมต.กลาโหมสหรัฐ

นาทีนี้โลกจับจ้องไปยังสหรัฐในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิปดีสมัยที่ 2 หลายประเทศหนาวๆร้อนๆ ลุ้นว่าสหรัฐจะออกนโยบายแบบไหน สื่อนำมาวิเคราะห์เล่นข่าวทุกวัน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมุ่งเน้นไปด้านพลิกฟื้นเศรษฐกิจภายในประเทศ การขึ้นกำแพงภาษีการค้า และที่น่าจับตามองมากที่สุดคือนโยบายของกองทัพสหรัฐ ซึ่งล้วนมีความเกี่ยวพันในหลายประเทศ ทั้งการสนับสนุนอาวุธยุโทปกร กำลังทหาร ด้วยบทบาทและอำนาจของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีอำนาจควบคุมกองทัพสหรัฐฯ รองจากประธานาธิบดีเท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นการกำกับดูแลความสัมพันธ์ทางทหารกับพันธมิตรทั่วโลก กำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการทหารและความมั่นคงของสหรัฐฯ ควบคุมดูแลงบประมาณกลาโหมซึ่งมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สั่งการปฏิบัติการทางทหารตามคำสั่งของประธานาธิบดี เราไปดูกันว่านอกจากอำนาจในสหรัฐ ยังมีอำนาจ และอิทธิพลในการกำหนดทิศทางของโลกอย่างไร

อำนาจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อโลกในวงกว้าง

  • กำหนดทิศทางนโยบายความมั่นคงระหว่างประเทศของสหรัฐฯ
  • มีอิทธิพลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
  • ควบคุมการส่งกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังพื้นที่ต่างๆ
  • สร้างความร่วมมือทางทหารกับพันธมิตรทั่วโลก

ผลกระทบต่อประเทศไทย

ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ได้รับอิทธิพลโดยตรงจากนโยบายของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ

  • กำหนดทิศทางความร่วมมือทางทหารระหว่างไทย-สหรัฐฯ
  • ควบคุมการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับไทย
  • สนับสนุนการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกัน เช่น คอบร้าโกลด์
  • ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ไทย เช่น การให้ทุนสนับสนุน 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อพัฒนากองทัพไทย

วันนี้ทุกหน้าสื่อทั่วโลกตีพิมพ์ชื่อ พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) ซึ่งกลายเป็นบุคคลสำคัญในรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม การแต่งตั้งนี้ถือว่าน่าสนใจ เนื่องจากประวัติที่มีความขัดแย้งของเฮกเซธและความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นระหว่างเขากับทรัมป์

ประวัติและความสัมพันธ์กับทรัมป์

พีท เฮกเซธ เป็นอดีตนายทหารแห่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (Army National Guard) และผู้ดำเนินรายการในช่อง Fox News เขาเป็นผู้สนับสนุนทรัมป์อย่างแข็งขัน โดยเฉพาะในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปี 2016 เฮกเซธเคยวิจารณ์ทรัมป์เกี่ยวกับการขาดความชัดเจนในนโยบายต่างประเทศ โดยกล่าวว่าทรัมป์มีท่าทีที่ไม่แน่นอนในประเด็นสำคัญ เช่น การคงกำลังทหารของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน แต่ต่อมาเฮกเซธได้กลายเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของทรัมป์ และมักปรากฏตัวใน Fox News เพื่อสนับสนุนนโยบายและการตัดสินใจด้านการทหารของทรัมป์

ความสัมพันธ์ระหว่างเฮกเซธกับทรัมป์มีลักษณะเป็นการชื่นชมซึ่งกันและกัน เฮกเซธมักชื่นชมแนวทางการบริหารของทรัมป์ และเคยมีส่วนร่วมในการหารือเกี่ยวกับประเด็นทางทหารในช่วงพักโฆษณาของรายการ “Fox & Friends Weekend” ความใกล้ชิดนี้อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัมป์เสนอชื่อเขาให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกระทรวงกลาโหม

ประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับเฮกเซธ

การเสนอชื่อเฮกเซธไม่ได้ปราศจากข้อวิจารณ์ การพิจารณายืนยันตำแหน่งของเขาได้เผยให้เห็นประเด็นขัดแย้งหลายประการ:

  • คุณสมบัติ: ผู้วิจารณ์บางคนมองว่าเฮกเซธขาดประสบการณ์ที่จำเป็นในการบริหารกระทรวงกลาโหมอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากประวัติของเขาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการรับราชการทหารและงานสื่อ มากกว่าการบริหารหรือการนำองค์กรด้านความมั่นคง
  • ข้อกล่าวหาการประพฤติมิชอบ: ในระหว่างกระบวนการยืนยันตำแหน่ง เฮกเซธต้องเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับข้อกล่าวหาด้านการล่วงละเมิดทางเพศ การดื่มสุราเกินขอบเขต และการจัดการทางการเงินที่ไม่เหมาะสมในองค์กรทหารผ่านศึกที่เขาเคยดูแล ข้อกล่าวหาเหล่านี้ทำให้สมาชิกวุฒิสภาบางคนตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเหมาะสมของเขา
  • มุมมองต่อนโยบายทางทหาร: เฮกเซธได้แสดงความคิดเห็นที่เป็นที่ถกเถียงเกี่ยวกับวัฒนธรรมทางทหาร โดยเรียกร้องให้กลับไปสู่สิ่งที่เขาเรียกว่า “จิตวิญญาณนักรบ” (warrior ethos) และวิจารณ์นโยบายปัจจุบันที่ส่งเสริมความหลากหลายและการมีส่วนร่วม โดยมองว่านโยบายเหล่านี้ทำให้ประสิทธิภาพของกองทัพลดลง ท่าทีนี้สอดคล้องกับมุมมองของทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นทางทหาร

ทรัมป์ เลือกคนที่ภักดีและมีแนวคิดเดียวกัน

หากได้รับการแต่งตั้ง เฮกเซธอาจมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและวัฒนธรรมทางทหารของสหรัฐฯ ความใกล้ชิดระหว่างเขากับทรัมป์บ่งชี้ว่าเขาอาจให้ความสำคัญกับนโยบายเชิงรุกแบบชาตินิยม และอาจเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิมของกระทรวงกลาโหมไปสู่แนวทางที่เน้นความขัดแย้งมากขึ้น นักวิจารณ์เตือนว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่ความปั่นป่วนภายในเพนตากอนและเปลี่ยนโฟกัสด้านปฏิบัติการของกองทัพ

โดยสรุป พีท เฮกเซธสะท้อนถึงแนวทางบริหารที่เป็นข้อถกเถียงของทรัมป์ และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมทางทหารของสหรัฐฯ การเสนอชื่อครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการของทรัมป์ที่จะมีพันธมิตรที่ภักดี และมีความคิดแนวอนุรักษ์นิยม วิสัยทัศน์เดียวกันต่อบทบาทของอเมริกาในเวทีโลก แม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติและพฤติกรรมในอดีตก็ตาม

ThinkerFriend.com สังคมแห่งการแบ่งปัน เรื่องราวดีๆ โดยนักคิด นักเรียน และความรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับชาว ThinkerFriend ทุกคน

ยอดติดตามทุกช่องทางกว่า 50,000 follow up

สนใจติดต่อ

numsiam.pr@gmail.com