ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในทุกวงการ วงการสื่อสารมวลชนก็ไม่รอดพ้นจากแรงกระเพื่อมของเทคโนโลยีนี้ AI ไม่เพียงเป็นเครื่องมือสนับสนุน แต่กำลังกลายเป็นตัวกำหนดทิศทางใหม่ของการผลิตสื่อ โดยผสานนวัตกรรมเข้ากับความท้าทายด้านจริยธรรมและความน่าเชื่อถือ สร้าง “ศาสตร์ใหม่” ที่ทั้งน่าตื่นเต้นและต้องระมัดระวัง
AI เปลี่ยนการผลิตสื่ออย่างไร?
- การสร้างเนื้อหาอัตโนมัติและรวดเร็ว
AI สามารถผลิตเนื้อหาได้ในพริบตา ตั้งแต่การเขียนข่าวสั้น สรุปงานแถลงการณ์ ไปจนถึงการสร้างภาพประกอบหรือวิดีโอ ตัวอย่างเช่น ไทยพีบีเอสใช้ AI ในฟีเจอร์ “Text to Speech” ที่แปลงข้อความเป็นเสียงพูดได้ถึงสามแบบ และกำลังพัฒนาให้ผู้ใช้ปรับแต่งความเร็วหรือระดับเสียงได้ สถานีโทรทัศน์อย่าง “NewsGPT” ถึงขั้นทดลอง ใช้ AI สร้างเนื้อหาข่าวและนำเสนอตลอด 24 ชั่วโมงผ่าน YouTube โดยไม่มีมนุษย์ควบคุม การผลิตที่รวดเร็วนี้นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้ว ยังช่วยให้สื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที - การวิเคราะห์ข้อมูลและปรับแต่งเนื้อหา
AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อนำเสนอเนื้อหาที่ตรงใจ เช่น Channel.1 AI จากลอสแอนเจลิสใช้ AI เรียนรู้ความชอบของผู้ชมและเลือกนำเสนอข่าวในภาษาที่ต้องการ นอกจากนี้ AI ยังช่วยจัดกลุ่มผู้ชม วางแผนการตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการข้อมูลหลังบ้าน เช่น การแปลภาษาอัตโนมัติ การตรวจสอบข่าวปลอม หรือการติดตามกระแสข่าวแบบเรียลไทม์ - การสร้างสรรค์สื่อรูปแบบใหม่
AI นำเสนอวิธีการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ เช่น การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) การสร้างวิดีโอด้วย AI หรือการพัฒนาอวตารดิจิทัลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าว ตัวอย่างเช่น ไทยพีบีเอสพัฒนา “AI Visual” ที่ให้ผู้ประกาศอ่านข่าวในหลายภาษา เช่น ไทย เวียดนาม หรืออังกฤษ เทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่มความน่าสนใจและการมีส่วนร่วมของผู้ชม แต่ก็มาพร้อมคำถามเรื่องความสมจริงและความน่าเชื่อถือ
โอกาสที่มาพร้อมความท้าทาย
โอกาส
- เพิ่มประสิทธิภาพ: AI ลดเวลาและต้นทุนในการผลิตสื่อ เช่น การใช้ ChatGPT สรุปข่าวยาวๆ ให้กระชับ หรือการใช้ AI ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนเผยแพร่
- ความหลากหลาย: AI ช่วยให้สื่อสามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น การแปลข่าวเป็นภาษาท้องถิ่นหรือการผลิตคอนเทนต์เฉพาะกลุ่ม
- การแข่งขัน: สื่อไทยเริ่มปรับตัวได้เร็วกว่าหลายประเทศในภูมิภาค โดยเห็นได้จากผลสำรวจที่ระบุว่านักข่าวไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อ AI และนำมาใช้ในงานต่างๆ เช่น AI Vertical LIVE ของไทยพีบีเอสที่ออกแบบมาเพื่อการรับชมบนมือถือ
ความท้าทาย
- จริยธรรมและความน่าเชื่อถือ: การใช้ AI สร้างภาพหรือเนื้อหาอาจนำไปสู่ปัญหาข่าวปลอม (Fake News) หรือการบิดเบือนข้อมูล สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติแนะนำให้ระบุชัดเจนเมื่อใช้ AI ผลิตเนื้อหา เช่น การใส่ลายน้ำว่า “ผลิตด้วย AI” เพื่อความโปร่งใส
- การแทนที่มนุษย์: นักข่าวบางส่วนกังวลว่า AI อาจทำให้ตำแหน่งงานลดลง อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า AI จะเป็นเครื่องมือเสริมมากกว่าทดแทน หากนักข่าวยกระดับทักษะให้เหนือกว่า เช่น การเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะ
- ลิขสิทธิ์และการลอกเลียน: AI ผลิตเนื้อหาจากข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การละเมิดลิขสิทธิ์หรือการลอกเลียนงานของผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ
ศาสตร์ใหม่ : การผสานมนุษย์และ AI
เพื่อให้สื่อสารมวลชนในยุค AI เติบโตอย่างยั่งยืน “ศาสตร์ใหม่” นี้ต้องอาศัยการผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และพลังของเทคโนโลยี
- ยึดจริยธรรมเป็นแกนหลัก: สื่อต้องยึดหลักการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความรับผิดชอบต่อสังคม แม้จะใช้ AI ช่วยงานก็ตาม ดร.เอกพล เธียรถาวร จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า จริยธรรมวิชาชีพยังคงเป็นหัวใจสำคัญ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปอย่างไร
- พัฒนาทักษะ: นักข่าวต้องเรียนรู้การใช้ AI อย่างชาญฉลาด เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล การเขียนโค้ด หรือการออกแบบคอนเทนต์เชิงโต้ตอบ เพื่อสร้างคุณค่าที่ AI ไม่อาจเลียนแบบได้
- สร้างความร่วมมือ: สื่อควรร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา AI ที่สอดคล้องกับจริยธรรม เช่น สำนักข่าว AP ที่จับมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อพัฒนาระบบ AI ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ
อนาคตของสื่อในยุค AI
AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่เป็นตัวเร่งให้วงการสื่อต้องทบทวนบทบาทและวิธีการทำงานใหม่ ไทยพีบีเอสตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะมีคอนเทนต์ที่เน้น “Human-Centred AI” ไม่น้อยกว่า 50 ชั่วโมง เพื่อตอบโจทย์ด้านการศึกษา สังคม และการป้องกันการหลอกลวง ในขณะเดียวกัน การแข่งขันที่สูงขึ้นจากคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ยิ่งทำให้สื่อต้องเร่งสร้างความแตกต่างผ่านความน่าเชื่อถือและคุณภาพ
ศาสตร์ใหม่ของการผลิตสื่อในยุค AI จึงไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยีให้เก่งขึ้น แต่เป็นการรักษาคุณค่าของความเป็นมนุษย์ไว้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง สื่อที่ปรับตัวได้ทันและยึดมั่นในจริยธรรมจะเป็นผู้นำในการสร้างสังคมที่รู้เท่าทันและมีส่วนร่วมในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
ที่มา: ข้อมูลจาก Thai PBS, สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ, และรายงานด้านสื่อและเทคโนโลยีต่างๆ