เส้นทางผู้ตัดสินตรงฉิน ‘หนามเตย ยนตรกิจ’ จากยอดมวยยุค2500สู่ประธานฝ่ายเทคนิคสนามมวยลุมพินี

เสียงระฆังดังขึ้น นักมวยทั้งสองยืนประจันหน้ากัน สายตาทุกคู่ในสนามจับจ้องอยู่ที่พวกเขา แต่มีอีกหนึ่งบุคคลที่อยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย คนที่ไม่มีใครอยากให้ผิดพลาด – นั่นคือ กรรมการมวยไทย

Legendary Referee of the Year

ภาพจาก นสพ.มวยสยาม

วันนี้ thinkerfriend ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ หนามเตย ยนตรกิจ หรือ พ.อ.พิเศษ นรินทร์ พวงแก้ว ผู้ได้ถูกบันทึกว่าเป็นดาวรุ่งยอดมวยยุค2500 เฉิดฉายในเส้นทางมวยไทยก่อนจะเลือกชีวิตรับราชการทหาร สร้างครอบครัว สู่โอกาสการก้าวไปสู่กรรมการ และดำรงตำแหน่งสูงสุด คือ ประธานฝ่ายเทคนิคสนามมวยเวทีมวยลุมพินี ซึ่งเป็นสนามมวยไทยมาตรฐาน

ประวัติโดยย่อ ก่อนจะเป็นฉายา หนามเตย ยนตรกิจ ในยุคแรกๆเติบโตอยู่อีสาน จังหวัดศรีสะเกษ ใช้ชื่อ นาครินทร์ ลูกศรีสะเกษ ต่อยมวยหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็กๆ ด้วยบิดามารดา ประกอบอาชีพชาวนา เกษตรกร ที่บ้านขีเหล็กอุทุมพรพิสัย หนามเตย จึงใฝ่ฝันว่าอยากจะใช้วิชามวยไทยแบ่งเบาภาระและดูแลน้องๆหลายคน ด้วยความที่เป็นมวยฝีมือดีปราบมวยดังภาคอีสานหลายคน จึงเข้าตาแมวมองและได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่เข้ามาต่อยที่กรุงเทพฯ ค่ายยนตกิจ เพชรพญาธร ของบรมครูเตี่ยตังกี้ เขตดุสิต และได้รับการตั้งชื่อฉายามวย ‘หนามเตย ยนตรกิจ’ นับแต่นั้น จากฟอร์มการชกออกอาวุธที่รวดเร็ว และครบเครื่อง เตะหนัก จงสามารถสร้างชื่อติดอยู่ในทำเนียบ ยอดมวยไทย ยุคปี 2500 จากนั้นชีวิตก็โลดแล่นในวงการมวย เริ่มปักหลักปักฐานสร้างฐานะและครอบครัวแต่นั้นมา

หนังสือพิมพ์สยามกีฬา

นอกจากนี้ หนามเตย ยนตรกิจ ยังเคยได้รับรางวัลมากมาย และสิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือ กรรมการผู้ตัดสินยอดเยี่ยมแห่งปี ของวงการมวยอีกด้วย เป็นเครื่องการันตรีในการทำงานที่ซื่อสัตย์เที่ยงตรงไม่มีด่างพร้อยบนเส้นทางทั้งนักมวย และกรรมการผู้ตัดสิน

ประสบการณ์มากมาย ทั้งในระดับสต๊าฟโค้ชมวยทีมชาติทั้งเอเชียลเกมส์ ซีเกมส์ สต๊าฟกองทัพบก กองทัพอากาศหลายสมัย รับราชการทหารและเป็นอาจารย์สอนพลศึกษาและศิลปแม่ไม้มวยไทยให้กับลูกศิษย์โรงเรียนเตรียมทหารกว่า60รุ่น

ด้วยบุคลิคที่ สมถะเรียบง่าย ใช้ชีวิตบนเส้นทางที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ และกตัญญู ทำให้หนามเตย ยนตรกิจ ได้รับยอมรับจากแวดวงการมวย เป็นบุคคลที่เป็นตำนาน น่ายกย่อง เป็นปูชนียบุคคลอีกท่านที่ควรค่าแกการนำมากล่าวถึง

และนี่คือบทสัมภาษณ์ อดีตกรรมการผู้ตัดสินสินระดับชาติ พูดถึงการครองตน และการวางตัวที่ดี ซึ่งได้รับการถ่ายทอดและนำไปปฏิบัติตนทั้งในและนอกสนาม ถือเป็นการบทเรียนชีวิตให้กับน้องๆและคนที่สนใจเลือกเส้นทางกรรมการผู้ตัดสินทั้งในวงการมวย และวงการกีฬา

ในโลกของการแข่งขันมวยไทย กรรมการไม่ใช่แค่ “ผู้ตัดสิน” แต่เป็น เสาหลักของความยุติธรรม บ่อยครั้งที่ชัยชนะและความพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพวกเขา แล้วอะไรคือ คุณสมบัติที่ทำให้กรรมการเป็นที่เคารพและไว้วางใจ?

กรรมการที่ดีต้อง “ซื่อสัตย์และเป็นกลาง”

พันเอกพิเศษ นรินทร์ พวงแก้ว ผู้มีประสบการณ์ยาวนานในวงการมวยไทย ได้กล่าวไว้ว่า “กรรมการต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง ซื่อสัตย์ และไม่มีอคติ”

ในสนามมวย อำนาจการตัดสินอยู่ในมือกรรมการ จังหวะการให้คะแนน การนับแปด หรือแม้แต่การตัดสินชี้ขาด สามารถเปลี่ยนชีวิตนักมวยคนหนึ่งได้ การ ยึดมั่นในความถูกต้อง คือสิ่งที่ทำให้กรรมการเป็นที่น่าเชื่อถือ

“ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ แต่ต้องไม่ใช่เพราะความไม่ซื่อสัตย์” – คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้บางครั้งอาจมีการตัดสินที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ตราบใดที่กรรมการ ไม่ได้ถูกครอบงำโดยอคติหรือผลประโยชน์ เขาก็ยังเป็นที่เคารพของคนในวงการ

จากรุ่นสู่รุ่นเครือญาตหนามเตย – พล.อ.สิทธิชัย อินทเสน รุ่น9 พล.อ.อ.จิรวัฒน์ มูลศาสตร์ รุ่น18 สนช. และประธานสโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ซึ่งเป็นผู้พี่ผู้น้องเครือญาต หนามเตย ที่ได้ดูแลในสมัยวัยเรียนและชีวิตช่วงสำคัญ โดยน้องทั้งสองของหนามเตย พูดเสมอว่า ถ้าไม่มีหนามเตย ไม่มีเขาในวันนี้ ที่คอยช่วยเหลือสนับสนุน เฉกเช่นเดียวกับคุณพ่อทั้งสองได้ดูแลหนามเตยมาเช่นเดียวกัน

การเป็นกลาง ไม่สนิทสนมกับค่ายมวย

สิ่งสำคัญอีกประการคือ “การวางตัว” พันเอกพิเศษนรินทร์กล่าวว่า “อย่าให้ใครตั้งข้อสงสัยในความเป็นกลางของคุณ”

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่อาจทำลายความน่าเชื่อถือของกรรมการ คือ การมีความสนิทสนมกับนักมวยหรือค่ายมวยใดค่ายมวยหนึ่งมากเกินไป

ลองจินตนาการดูว่า หากกรรมการคนหนึ่งเพิ่งนั่งรับประทานอาหารกับหัวหน้าค่ายมวยเมื่อคืนนี้ แล้ววันนี้เขาต้องตัดสินนักมวยจากค่ายนั้น ความน่าเชื่อถือของเขาจะเหลืออยู่แค่ไหน?

นี่คือเหตุผลที่กรรมการมืออาชีพ ต้องรักษาระยะห่าง ไม่รับผลประโยชน์ใดๆ และวางตัวให้เป็นกลางตลอดเวลา

“ความแม่นยำในกติกา” และ “การตัดสินที่เด็ดขาด”

กรรมการที่ดี ไม่ได้เป็นแค่ผู้ที่ซื่อสัตย์เท่านั้น แต่ยังต้อง แม่นยำในกติกา และ ตัดสินอย่างเด็ดขาด

มวยไทยเป็นกีฬาที่มีรายละเอียดซับซ้อน จังหวะการออกอาวุธ ท่าทางที่ได้เปรียบเสียเปรียบ การล้ม การนับ ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง

“การแยกนักมวย จังหวะไหนต้องหยุด จังหวะไหนปล่อยให้สู้ต่อ – ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรรมการ”

ความแม่นยำเหล่านี้ไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่มาจากการ ฝึกฝนอย่างหนัก ศึกษากติกา และฝึกการตัดสินอยู่เสมอ

“ควบคุมอารมณ์” เพราะทุกสายตาจับจ้องมาที่คุณ

อีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญคือ “การควบคุมอารมณ์”

สนามมวยเต็มไปด้วยความกดดัน ทั้งเสียงเชียร์จากกองเชียร์ เสียงโห่จากแฟนมวยที่ไม่พอใจ และแรงกดดันจากนักมวยที่ต้องการความยุติธรรม

กรรมการที่ดี ต้องไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ต้องมี จิตใจที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันจากรอบข้าง

“ถ้าคุณใช้อารมณ์ตัดสินแทนกติกา วันนั้นคุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนดูข้างเวที”

“กรรมการมวยไทยที่ดี” ต้องมีอะไรบ้าง?

ซื่อสัตย์ เป็นกลาง ไม่เอนเอียง
เชี่ยวชาญกติกา ตัดสินแม่นยำ
วางตัวให้เหมาะสม ไม่สร้างข้อครหา
ควบคุมอารมณ์ ไม่ตัดสินด้วยอารมณ์

ครอบครัวอบอุ่น ภรรยา และลูกๆรับราชการ และทำงานด้านสื่อสารมวลชน ภาพนี้ได้รับเชิญไปร่วมงานสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหาร

บทสรุป: ผู้รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของมวยไทยมวยไทยไม่ใช่แค่กีฬาต่อสู้ แต่มันเป็นศาสตร์และศิลป์ เป็นวัฒนธรรมที่มีเกียรติ

และกรรมการคือ “ผู้รักษาความศักดิ์สิทธิ์ของมวยไทย”

พวกเขาไม่ใช่แค่คนที่ชูมือให้นักมวยคนหนึ่งชนะ แต่คือคนที่ทำให้ชัยชนะนั้นมีความหมายและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย

ดังนั้น การเป็นกรรมการที่ดี ไม่ใช่แค่รู้กติกา แต่ต้องรู้จักวางตัว ซื่อสัตย์ และเป็นกลาง

เพราะชัยชนะที่แท้จริงของกรรมการ คือการได้รับความเคารพจากทั้งวงการมวยไทย 👊🥊

ภาพ สุภาพ บุญรอด ลูกศิษย์ มาสวัสดีปีใหม่และมาเยี่ยมอาจารย์หนามเตย ยนตรกิจ
(พ.อ.พิเศษ นรินทร์ พวงแก้ว ) เป็นตัวแทนผู้ตัดสินของสนามมวยลุมพินีติดรางวัลผู้ตัดสินมวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี เดินทางไปตัดสินการชิงแชมป์มวยไทย ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และได้ถ่ายภาพร่วมกับทีมโปรโมเตอร์เป็นที่ระลึกด้วยมิตรไมตรี ต่างคนต่างทำหน้าที่

ที่คือชีวิตและแนวคิดการทำงานของตำนานที่ยังมีลมหายใจในวัย 85 ปี หนามเตย ยนตรกิจ หรือ พ.อ.พิเศษ นรินทร์ พวงแก้ว ปัจจุบันยังแข็งแรง ความจำเป็นเลิศ ชอบตีเทนนิส เดินออกกำลังกายเป็นประจำ

โดยทาง หนามเตย ยนตรกิจ ได้ฝากความคิดถึงพี่น้องเพื่อนๆและลูกศิษย์ทุกคน ขอให้พบแต่ความสุขกาย สุขใจตลอดปีใหม่ 2568

สอนศิลปะแม่ไม้มวยไทย ให้กับลูกศิษย์โรงเรียนเตรียมทหาร

เกียรติประวัติผลงานและปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่เทคนิคและศิลปแม่ไม้มวยไทยในต่างแดน

นอกจากนี้ พ.อ.พิเศษ นรินทร์ พวงแก้ว หรือหนามเตย ยนตรกิจ อดีตตำนานยอดมวยไทย ยุค พ.ศ. 2500 และประธานฝ่ายเทคนิคสนามมวยเวทีลุมพินี ยังได้มีโอกาสเดินทางไปทำงานในต่างแดน โดยได้รับมอบหมายจากกองทัพและสมาคมมวยฯ ไปเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทยในยุคแรกๆ ดังนี้

ปี พ.ศ. 2512
เป็นสต๊าฟโค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ในการแข่งขันชิงชนะเลิศ แห่งทวีปเอเชีย ณ ประเทศไทย คว้าเหรียญทอง 2 เหรียญ จาก บรรเทา ศรีสุข (รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท) และ มานิตย์ ตรีอรุณลักษณ์ (รุ่นไลท์เฮฟวีเวท) เหรียญเงิน 1 เหรียญ จาก ศักดิ์ดา ส่องแสง (รุ่นไลต์เวลเตอร์เวต) เหรียญทองแดง 1 เหรียญ จาก สิงห์โต แจ่มจิตรมั่น (รุ่นเวลเตอร์เวต) นอกจากนี้ สุรพงษ์ ศรีภิรมย์ ยังเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในรุ่นไลต์ฟลายเวต ผลงานครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้กับวงการมวยไทยเป็นอย่างมาก

ปี พ.ศ. 2513
เป็นสต๊าฟโค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่6 ณ ประเทศไทย คว้า 2 เหรียญทองจาก “บรรเทา ศรีสุข” ในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวตโดยในรอบชิงชนะเลิศบรรเทาสามารถเอาชนะ “เขียว แสน” นักชกจากกัมพูชาที่ผ่านเวทีโอลิมปิกเกมส์มาแล้ว ส่วนอีกเหรียญทองนั้นได้มาจากมวยรุ่นใหญ่อย่าง “มานิตย์ ตรีอรุณเอก” ที่สามารถพลิกเอาชนะ “ปาร์ค ฮยอง จุน” จากเกาหลีใต้ไปได้อย่างสนุกสร้างความภูมิใจให้กับแฟนกีฬาไทยเป็นอย่างมาก

ปี พ.ศ. 2520
เป็นสต๊าฟโค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ณ ประเทศมาเลเซีย เป็นครั้งแรกที่การแข่งขันใช้ชื่อ “ซีเกมส์” อย่างเป็นทางการ คว้าเหรียญทองได้ 4 เหรียญ เหรียญเงิน 2 เหรียญ และเหรียญทองแดง 3 เหรียญ ข้อมูล https://en.wikipedia.org/wiki/Boxing_at_the_1977_SEA_Games

ปี พ.ศ. 2521
เป็นสต๊าฟโค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 8 ณ ประเทศไทย คว้าเหรียญทอง 1 เหรียญทอง จากฝีมือของ “ศิริ สุปัญญา” ในรุ่นไลต์ฟลายเวตโดยในรอบชิงชนะเลิศสามารถเอาชนะ “รี บยองอุก” นักชกเกาหลีเหนือดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 1976 ไปได้ด้วยฟอร์มการชกที่สวยงาม ในขณะที่อีก 3 นักชกไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอย่าง “วิชิต ลูกบางปลาสร้อย” ยอดมวยไทยที่ผันมาชกมวยสากลสมัครเล่นในรุ่นไลต์เวลเตอร์เวต, “วัลลภ โตทัศะ” รุ่นเวลเตอร์เวตและ “ระเบียบ แสงนวล” ไลต์มิดเดิลเวต ไม่อาจสามารถผ่านด่านหินนักชกจากประเทศเกาหลีใต้ไปได้ทำได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น

จากนั้น ได้รับมอบหมายเป็นผู้ตัดสินสาธิตและสอนเทคนิคร่วมกับคณะเดินทางไปในหลายประเทศ ทั้งโซนยุโรป อเมริกาและเอเชีย โดยถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มวยไทยได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ปี พ.ศ. 2521
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 1

ปี พ.ศ. 2532
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 2

ปี พ.ศ. 2534
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ประเทศอเมริกา

ปี พ.ศ. 2535
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ประเทศออสเตรเลีย

ปี พ.ศ. 2536
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ฮ่องกง ครั้งที่ 1

ปี พ.ศ. 2538
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 3

ปี พ.ศ. 2539
ได้รับคัดเลือกและมอบหมายเป็นกรรมการผู้ตัดสินและเผยแพร่ศิลปมวยไทย ณ ฮ่องกง ครั้งที่ 2

เป็นบุคคลที่ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญทั้งในด้านวงการมวยไทย และในด้านการส่งเสริมศิลปะแม่ไม้มวยไทยในต่างแดนอีกด้วย

ท่านที่สนใจถ่ายทอดเรื่องราวและมุมมองการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคม แบ่งปันเรื่องราวดีๆ สามารถส่งข้อมูลหรือติดต่อได้ที่ numsiam.pr@gmail.com

ThinkerFriend.com สังคมแห่งการแบ่งปัน เรื่องราวดีๆ โดยนักคิด นักเรียน และความรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับชาว ThinkerFriend ทุกคน

ยอดติดตามทุกช่องทางกว่า 50,000 follow up

สนใจติดต่อ

numsiam.pr@gmail.com