มุมมองของคนอเมริกันที่มีต่อแรงงานผิดกฎหมาย และภาพสะท้อนสังคมไทย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาผู้อพยพและแรงงานผิดกฎหมายเป็นประเด็นร้อนแรงทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีภูมิหลังและโครงสร้างสังคมที่แตกต่างกัน แต่ทัศนคติของคนอเมริกันที่มีต่อแรงงานผิดกฎหมายกลับมีความคล้ายคลึงกับทัศนคติของคนไทยที่มีต่อแรงงานข้ามชาติจากพม่า กัมพูชา และลาว

ประเด็นนี้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับสังคมเรา? และเราควรพิจารณามันจากมุมมองใด?

แรงงานต่างด้าว: ตัวปัญหาหรือฟันเฟืองของเศรษฐกิจ?

หนึ่งในข้อกังวลหลักของทั้งชาวอเมริกันและคนไทย คือความเชื่อว่าแรงงานต่างด้าวเข้ามา “แย่งงาน” คนในประเทศ และกดค่าแรงให้ต่ำลง แต่ข้อเท็จจริงก็คือ งานที่แรงงานเหล่านี้ทำส่วนใหญ่มักเป็นงานที่คนท้องถิ่นไม่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง งานเกษตรกรรม หรือภาคบริการที่ต้องใช้แรงงานหนัก

ในสหรัฐฯ แรงงานผิดกฎหมายถูกใช้เป็นกำลังหลักในอุตสาหกรรมอาหารและเกษตร ในขณะที่ในไทย แรงงานพม่าถือเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมประมงและงานก่อสร้าง ทว่าในขณะที่ภาคธุรกิจพึ่งพิงแรงงานข้ามชาติเหล่านี้ คนในสังคมกลับมองพวกเขาเป็นภาระของรัฐ นี่คือความย้อนแย้งที่เราต้องยอมรับ

หากไม่มีแรงงานเหล่านี้ ค่าครองชีพของประชาชนในประเทศจะพุ่งสูงขึ้น เพราะธุรกิจจะต้องขึ้นค่าแรงเพื่อจ้างแรงงานในประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงกว่าเดิม

อคติทางวัฒนธรรมและความมั่นคง

ในสหรัฐฯ มีการถกเถียงกันว่า ผู้อพยพจำนวนมากอาจทำให้วัฒนธรรมอเมริกันเปลี่ยนไป ประเด็นนี้มีลักษณะเดียวกับความรู้สึกของคนไทยที่เชื่อว่าแรงงานข้ามชาติส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมไทย

เราต้องย้อนมองว่า ในอดีต ประชากรไทยเองก็มีรากฐานมาจากการอพยพผสมผสานกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย หรือมอญ แล้วเหตุใดเราจึงปฏิเสธการอยู่ร่วมกันของแรงงานข้ามชาติในยุคปัจจุบัน?

การมองว่าพวกเขาเป็น “คนนอก” อาจเป็นผลพวงจากความกลัวที่ฝังรากลึก เช่น ประวัติศาสตร์ความขัดแย้งระหว่างไทยและพม่า หรือภาพจำจากข่าวอาชญากรรมที่มักนำเสนอแต่ด้านลบของแรงงานต่างด้าว

แต่ในความเป็นจริง มีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า อัตราการก่ออาชญากรรมของแรงงานต่างด้าวไม่ได้สูงไปกว่าประชากรไทยเลย นี่แสดงให้เห็นว่าอคติที่มีต่อพวกเขาอาจไม่ได้เกิดจากข้อเท็จจริง แต่เกิดจากความเชื่อที่ถูกปลูกฝัง

มิติทางการเมืองและผลประโยชน์แอบแฝง

ในสหรัฐฯ พรรครีพับลิกันมักมีนโยบายกีดกันผู้อพยพผิดกฎหมาย ขณะที่พรรคเดโมแครตสนับสนุนเส้นทางสู่สัญชาติให้แก่แรงงานเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่านโยบายด้านการอพยพไม่ได้มีแต่เหตุผลทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ในไทย แม้รัฐจะออกกฎหมายควบคุมแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มงวด แต่ในความเป็นจริง กลับมีการละเลยให้แรงงานเหล่านี้อยู่ในระบบเถื่อนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน ธุรกิจจำนวนมากใช้แรงงานต่างด้าวโดยไม่ขึ้นทะเบียน และเมื่อเกิดปัญหาก็ผลักภาระกลับไปที่รัฐ นี่คือวงจรที่ทำให้แรงงานเหล่านี้อยู่ในสภาพที่เปราะบาง ถูกกดขี่ และไม่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย

ทางออก: การยอมรับความจริงและการสร้างระบบที่เป็นธรรม

แทนที่จะมองแรงงานต่างด้าวเป็น “ตัวปัญหา” เราควรมองพวกเขาเป็น “แรงงานสำคัญ” ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเรา และสร้างระบบที่เป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย

  • รัฐบาลควรออกนโยบายแรงงานที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงการกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมาย แต่ต้องวางระบบที่ทำให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ลดปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและการค้ามนุษย์
  • ประชาชนควรเปลี่ยนมุมมองต่อแรงงานข้ามชาติ เราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเข้ามาเพื่อหาชีวิตที่ดีขึ้น และหากไม่มีพวกเขา หลายอุตสาหกรรมอาจล่มสลาย
  • สื่อมวลชนควรนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน หยุดการตีตราแรงงานต่างด้าวว่าเป็น “ผู้ร้าย” และเปิดพื้นที่ให้พวกเขามีเสียงในสังคม

จากข้อมูลล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 3,289,536 คน (กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่เข้ามาอย่างถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม มีแรงงานต่างด้าวที่ทำงานโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาตทำงานประมาณ 300,000 คน

สำหรับสหรัฐอเมริกา ข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ระบุว่าในปี 2567 มีผู้อพยพที่อาศัยอยู่โดยไม่มีเอกสารประมาณ 11.2 ล้านคน ซึ่งตัวเลขนี้คงที่จากปีก่อนหน้า (Pew Research Center, DHS)

เราต่างเป็น “ผู้อพยพ” ในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์

หากเราย้อนมองประวัติศาสตร์ จะพบว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเป็น “ผู้อพยพ” มาก่อน คนจีนอพยพมาตั้งรกรากในไทยในช่วงรัชกาลที่ 5 คนยุโรปอพยพไปอเมริกาในศตวรรษที่ 18-19 วันนี้เรามองแรงงานต่างด้าวว่าเป็น “ภาระ” แต่หากวันหนึ่งไทยต้องเผชิญวิกฤตที่ทำให้คนไทยต้องอพยพไปทำงานต่างประเทศ เราจะต้องการให้พวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมหรือไม่?

บางที คำถามนี้อาจช่วยให้เรามองปัญหานี้อย่างมีเหตุผลและเมตตามากขึ้น

ThinkerFriend.com สังคมแห่งการแบ่งปัน เรื่องราวดีๆ โดยนักคิด นักเรียน และความรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับชาว ThinkerFriend ทุกคน

ยอดติดตามทุกช่องทางกว่า 50,000 follow up

สนใจติดต่อ

numsiam.pr@gmail.com