เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 – รัฐสภาไทยจารึกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ จัดพิธีบวงสรวงและอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 องค์ใหม่ ขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เสร็จสิ้นอย่างสง่างามท่ามกลางความร่วมมือร่วมใจของบุคคลสำคัญจากหลากหลายหน่วยงาน






พิธีบวงสรวงจัดขึ้นเพื่อ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะทรงเป็น “พระมหากษัตริย์นักประชาธิปไตย” และ “พระบิดาแห่งการเมืองและการปกครอง” ผู้ทรงวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยด้วยการพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกในปี พ.ศ. 2475 โดยพระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็น ศูนย์รวมจิตใจ และหลักชัยแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย



บุคคลสำคัญร่วมพิธีคับคั่ง
พิธีบวงสรวงครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบ พิธีพราหมณ์ โดยมี นายไชยา พรหมมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธี และ พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นผู้แทนประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ อาทิ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา, นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว, ดร. สฤษติพงษ์ เกี่ยวข้อง, หม่อมหลวง พิชญา สวัสดีวัฒน์ จากคณะกรรมการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ฯ รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการระดับสูงจากวงงานรัฐสภาเข้าร่วมอย่างคับคั่ง




พิธีศักดิ์สิทธิ์
พิธีการเริ่มต้นในช่วงเช้าด้วยการ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในบริเวณรัฐสภา เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่ นายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ จะเชิญประธานในพิธีเข้าสู่แท่นบวงสรวง จากนั้นประธานในพิธีและผู้แทนประธานวุฒิสภาได้ จุดธูปเทียน ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงอันประกอบด้วยเครื่องพลีกรรมและเครื่องสังเวยต่าง ๆ
ช่วงเวลาสำคัญที่สุดคือการ อัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ขึ้นประดิษฐานบน พระที่นั่งพุดตานจำลอง ลักษณะ “พระที่นั่งพุดตาน” เป็นบัลลังก์ศิลปกรรมสำคัญ ใช้ในการประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์หรือในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ในพระบรมมหาราชวัง
โดยประธานในพิธีและผู้แทนประธานวุฒิสภาได้ จับสายสูตร การ “จับสายสูตร” หรือสายสิญจน์เป็นองค์ประกอบสำคัญในพิธีพราหมณ์ บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ความเป็นสิริมงคลและพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งโดยธรรมเนียมต้องมีผู้มีเกียรติหรือประธานในพิธีร่วมจับสายสูตรอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการอัญเชิญ หลังจากการประดิษฐานเสร็จสมบูรณ์ ประธานในพิธีได้ วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และ จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย เพื่อถวายความเคารพ ก่อนที่แขกผู้มีเกียรติท่านอื่น ๆ จะร่วมถวายความเคารพตามลำดับ






รายละเอียดองค์พระบรมรูป “งานปฏิมากรรมชั้นสูง”
พระบรมราชานุสาวรีย์องค์ใหม่นี้เป็นผลงาน สุดยอดฝีมือของช่างจากสำนักช่าง 10 หมู่ กรมศิลปากร ซึ่งเป็น พระบรมรูปนั่งที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ช่างกรมศิลปากรเคยจัดสร้างมา โดยมีความสูงจากยอดพระชฎาถึงพื้น 7.7 เมตร หรือใหญ่กว่าพระองค์จริงถึง 4 เท่า

องค์พระบรมรูปถูกสร้างขึ้นในลักษณะคล้ายภาพขณะทรง พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรก ทรงเครื่อง บรมราชภูสิตาภรณ์ พร้อม พระชฎามหากฐิน อันศักดิ์สิทธิ์ และประทับบน พระที่นั่งพุทตา กาญจนสิงหาดจำลอง ซึ่งเป็นพระแท่นที่ใช้ในพระราชพิธีสำคัญมาแต่โบราณ โดยพระที่นั่งจำลองนี้มีความโดดเด่นด้วย กระจังใบเทศ 12 ใบ และประดับด้วย เทพพนม 21 องค์ กับ พญาครุฑ 24 ตน

สำหรับกระบวนการสร้าง ใช้วิธีหล่อจาก โลหะสูตร ที่มีส่วนผสมของทองแดงและซิลิกอนเป็นหลัก และทำสีผิวโลหะด้วยวิธี ลมดำ เพื่อคงความงามที่แท้จริงไว้ และบริเวณแท่นฐานยังประดับด้วย พระราชลัญจกรพระแสงศร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำรัชกาล

“ร่มรื่น ร่มเย็น” วันแห่งประวัติศาสตร์
พิธีการทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น สมพระเกียรติ และท่ามกลางสภาพอากาศที่ ร่มรื่นร่มเย็น เป็นใจ โดยในอนาคตทุกวันที่ 10 ธันวาคม (วันรัฐธรรมนูญ) จะมีการจัดพิธีวางพวงมาลา ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ชาวไทยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์สืบไป
รับชมย้อนหลังได้ทาง
Application : TPchannel
Youtube : https://www.youtube.com/@TPchannel10
Facebook : https://www.facebook.com/TPchannelFan