สวัสดีครับเพื่อนๆชาว ThinkerFriend ในปี2568 มีหลายมิติที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการพัฒนาของ AI และ Data Center เทคโนโลยีต่างๆ สิ่งที่น่าห่วงมากๆที่มาพร้อมกับการพัฒนาคือการใช้ทรัพยากรโลกที่ต้องแลกอยู่ตลอด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ ผมนำเอาบทสัมภาษณ์ของ คุณพีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร นักวิทยาศาสตร์จาก MIT Media Lab ในช่อง Suthichai live น่าสนใจในหลายประเด็น
สารบัญ
- การพัฒนาการของ AI และการเกิดขึ้นของโมเดลจำนวนมาก
- การลงทุน data center ของต่างชาติ ไทยได้หรือเสียประโยชน์มากกว่า?
ขอเริ่มด้วยมุมมอง พีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร นักวิทยาศาสตร์จาก MIT Media Lab เกี่ยวกับ AI ก่อนนะครับ
ปี 2025 กำลังมาเยือนพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายมิติของโลก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง หรือเทคโนโลยี หนึ่งในหัวข้อที่โดดเด่นที่สุดคือ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และบทบาทของมันในชีวิตประจำวัน ในรายการ Suthichai Live นักวิทยาศาสตร์คนไทยจาก MIT Media Lab อย่าง พีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร ได้แบ่งปันมุมมองสำคัญเกี่ยวกับ AI และอนาคตที่กำลังจะมาถึง
AI ที่สร้างแรงบันดาลใจและพัฒนาชีวิต
พีพีเล่าถึงโครงการ “I am a Scientist” ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนทั่วโลก โดยเขาเป็นหนึ่งใน 8 นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกเลือกเป็นต้นแบบ เพื่อกระตุ้นให้เด็กรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการศึกษาด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ที่ผสมผสานกับศิลปะ และกระตุ้นให้เยาวชนไทยมองเห็นเส้นทางอาชีพในสายวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง
อนาคตของ AI: 7 ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามอง
พีพีได้แบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับ AI ในปี 2025 ผ่าน 7 ประเด็นสำคัญ ได้แก่:
- การขยายตัวของโมเดล AI: โมเดลใหม่จะมีความสามารถหลากหลายขึ้น เช่น การสร้างภาพ วิดีโอ และเสียง ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายขึ้นสำหรับทุกคน
- Generative Agent: AI ที่ไม่เพียงตอบสนองตามคำสั่ง แต่สามารถคาดการณ์ความต้องการของผู้ใช้และดำเนินการได้ล่วงหน้า
- AI Everywhere: เทคโนโลยี AI จะรวมตัวกับอุปกรณ์สวมใส่และ Internet of Things (IoT) ช่วยสร้างข้อมูลเชิงลึกสำหรับการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิต
- Human-Computer Interaction (HCI): การออกแบบ AI ให้มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และทำให้การทำงานร่วมกับ AI ง่ายขึ้น
- Embodied Intelligence: AI ที่เข้าใจและดำเนินการในโลก 3 มิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หุ่นยนต์ที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ในโรงงานหรือห้องเรียน
- Mechanistic Interpretability: ความโปร่งใสของ AI เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการทำงาน
- Geopolitics ของ AI: การแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงผลกระทบต่อภูมิภาคและทรัพยากรในท้องถิ่น เช่น กรณี Data Center ในอีสานที่ต้องแข่งขันกับทรัพยากรน้ำสำหรับการปลูกทุเรียน
AI กับการสร้างประสบการณ์ที่มีจริยธรรม
พีพีย้ำถึงความสำคัญของการสร้าง Ethical Experience of Technology หรือการทำให้ AI ช่วยส่งเสริมศักยภาพและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ แทนที่จะเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกด้อยค่า หรือถูกครอบงำ
AI สำหรับสังคมผู้สูงอายุ
ด้วยความเป็นสังคมผู้สูงอายุที่เติบโต AI จึงสามารถมีบทบาทสำคัญ เช่น การช่วยเตือนความจำ ดูแลสุขภาพ และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นใหม่กับผู้สูงอายุในครอบครัว เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่มีเกียรติและคุณค่า

คำแนะนำสำหรับอนาคต
พีพีสรุปว่า การใช้ AI อย่างมีวิจารณญาณและความหวังในรูปแบบ “Critical Optimism” จะเป็นกุญแจสำคัญของการพัฒนา AI ในประเทศไทย ทั้งการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน การผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางเทคโนโลยี และการสร้างยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนสำหรับประเทศในโลกยุคใหม่
แนะรัฐบาลตั้งรับ ถกต่างชาติลงทุน Data Center ใช้ทรัพยากรไทย แต่ต้องแลกด้วยการพัฒนาคนไทยด้วย
ในบทสัมภาษณ์ของ พีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร นักวิทยาศาสตร์จาก MIT Media Lab เขาได้ตั้งคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับการที่ต่างชาติมาลงทุนตั้ง Data Center ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่ผลกระทบในระยะยาว และความสมดุลระหว่างประโยชน์ที่ไทยจะได้รับกับข้อเสียที่อาจตามมา พีพีชี้ให้เห็นถึงประเด็นหลัก โดยสรุปได้ในหลายมิติดังนี้

1. ไทยได้รับผลประโยชน์จริงหรือไม่?
พีพีตั้งคำถามว่า การตั้ง Data Center ของต่างชาติในไทย เช่น Google,microsoft ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย นั้นมอบผลประโยชน์ให้ประเทศไทยในระยะยาวอย่างแท้จริงหรือไม่
- เขาตั้งข้อสังเกตว่า การลงทุนลักษณะนี้อาจเป็นเพียงการใช้ทรัพยากรในประเทศ เช่น น้ำหรือไฟฟ้า โดยไม่ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งให้คนไทยหรือไม่อย่างไร
- หากต่างชาติเข้ามาเพียงเพื่อตั้งฐานและส่งออกข้อมูลหรือบริการ โดยไม่มีการพัฒนาทักษะแรงงานหรือสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น ไทยอาจกลายเป็นเพียงผู้ “เช่า” ทรัพยากรเท่านั้นหรือไม่

2. ความสมดุลระหว่างทรัพยากรน้ำและผลกระทบต่อชุมชน
พีพีชี้ให้เห็นถึงข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น เช่น การใช้น้ำปริมาณมาก ของ Data Center ซึ่งอาจแย่งน้ำจากเกษตรกรในพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคอีสานที่น้ำเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับการเพาะปลูก เช่น ทุเรียนที่เป็นพืชเศรษฐกิจ
- เขาตั้งคำถามว่า รัฐบาลและผู้บริหารโครงการได้คำนึงถึงผลกระทบด้านนี้อย่างจริงจังแล้วหรือยัง?
- ใครจะเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของคนในท้องถิ่น หากเกิดปัญหาการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ?
3. ความสำคัญของการพัฒนาทักษะและบุคลากรในประเทศพีพีเสนอว่า การลงทุนของต่างชาติควรสร้างประโยชน์ที่แท้จริงให้กับคนไทย
- เขาเรียกร้องให้มีการวางแผนเพื่อสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เช่น การฝึกอบรมหรือสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทเทคโนโลยีและสถาบันการศึกษาในประเทศ
- พีพีมองว่าไทยไม่ควรเป็นเพียงผู้บริโภคเทคโนโลยี แต่ควรเป็นผู้พัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้วยตนเอง

4. การจัดลำดับความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
เขาเน้นว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการเลือกโครงการลงทุน
- พีพีตั้งคำถามว่า ทำไมบางประเทศ เช่น เวียดนาม จึงได้รับการตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D Center) ขณะที่ไทยได้รับเพียงการตั้งฐานข้อมูล
- เขาแนะนำว่า ไทยควรเลือกทำเฉพาะโครงการที่มีศักยภาพสูงสุดในการพัฒนาทักษะและเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ใช่แค่รองรับการลงทุนทุกประเภทโดยไม่มีการคัดกรอง
5. การดูแลผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจระยะยาว
พีพีแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานและน้ำอย่างมหาศาลของ Data Center และการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต
- เขาตั้งคำถามว่า การที่ต่างชาติลงทุนลักษณะนี้ จะส่งผลให้ไทยสามารถพัฒนาในระยะยาวได้จริงหรือเป็นเพียงการเข้ามาใช้ทรัพยากรชั่วคราว

ข้อเสนอของพีพี
- เพิ่มการตรวจสอบและกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การจ้างแรงงานคนไทย และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
- ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและระบบการศึกษาในท้องถิ่น ให้เกิดการสร้างบุคลากรที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ในอนาคต
- วางแผนยุทธศาสตร์ในระดับประเทศ เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการลงทุน การพัฒนาประเทศ และการปกป้องสิ่งแวดล้อม
สรุป
พีพี-พัทน์ ชี้ให้เห็นถึงโอกาสและความเสี่ยงของการที่ต่างชาติมาลงทุนในไทย โดยเสนอว่าประเทศไทยควรใช้โอกาสนี้อย่างชาญฉลาดเพื่อพัฒนาประเทศในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่เป็นผู้ให้ทรัพยากรโดยไม่ได้รับผลประโยชน์ที่เหมาะสม
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI และ data center ในต่างประเทศส่งผลกระทบต่อชุมชนและประชาชนในหลายด้าน ดังนี้
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
การใช้พลังงานมหาศาล
- Data center ที่รองรับ AI ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยคาดว่าในปี 2570 จะใช้พลังงานถึง 500 เทราวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี ซึ่งมากกว่าปี 2566 ถึง 2.6 เท่า
ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน
- คาดการณ์ว่าในปี 2570 ถึง 40% ของ AI data center จะประสบปัญหาการถูกจำกัดประสิทธิภาพการดำเนินงานเนื่องจากขีดจำกัดด้านพลังงาน

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- ใช้น้ำในปริมาณมากสำหรับระบบทำความเย็น ส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำธรรมชาติ
ผลกระทบต่อชุมชน
- เสียงรบกวนจากพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่
- การใช้ทรัพยากรน้ำและไฟฟ้าในปริมาณมาก ส่งผลให้ค่าสาธารณูปโภคของครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น
- อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและการสูญเสียพื้นที่ทางวัฒนธรรม
แนวทางการแก้ปัญหา
- การใช้พลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การเลือกทำเลที่ตั้ง จัดตั้ง data center ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศเย็น เพื่อลดการใช้พลังงานในการระบายความร้อน เช่น ในประเทศแถบนอร์ดิก
- การพัฒนาเทคโนโลยีระบายความร้อน ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการความร้อน
- การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ พิจารณาความจำเป็นในการใช้ AI และเลือกใช้เฉพาะที่จำเป็นเพื่อลดการใช้ทรัพยากร
- การใช้ Digital Twin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกแบบและดำเนินงานของ data center
- การใช้ White Space Cooling Optimization ใช้ AI ในการวิเคราะห์และจัดการการทำความเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ
- การใช้ Data Center Infrastructure Management (DCIM) เพื่อควบคุมและจัดการระบบต่างๆ ของ data center อย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนา Modular Data Center เพื่อตอบสนองความต้องการของ AI enterprise ที่ edge ได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ
การแก้ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีและการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน
โอกาสในการใช้งาน
ทั้งหมดถือเป็นข้อห่วงใยจากผู้เชี่ยชวชาญ ที่รัฐบาลและรัฐสภาควรนำประเด็นนี้ไปพูดคุยและพิจารณาต่อรองกับต่างชาติ รวมทั้งตอนนี้ต้องเร่งออกกฎหมาย และมาตรการต่างๆรองรับในระยะสั้นและระยะยาว สิ่งสำคัญคือการรับฟังภาควิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในการกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายเพื่อให้เกิดทิศทางที่ถูกต้อง ทั้งในการเรียนรู้ด้านนวัตกรรม AI ภาครัฐบาลต้องแบกภาระหรือทำ MOU กับ Big ai ในการมาสนับสนุนให้ประชาชน และบุคลากรด้านการศึกษาได้ใช้ AI อย่างเท่าเทียม
ไม่ง่ายนะครับ กับภาระและค่าใช้จ่ายที่ประชาชน หรือคนไทยจะต้องมานั่งจ่ายรายเดือนแพงๆเพื่อใช้ AI กว่าจะได้ใช้กัน โอกาสในการเข้าถึงการใช้งาน ผมนึกถึงยุคคอมพิวเตอร์ ยุคมือถือ mobil การสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ที่ประชาชนหรือเด็กๆกว่าจะได้ใช้ ก็นานมากๆ ทุกวันนี้บางพื้นที่ก็ยังขาดโอกาส แม้กระทั่งยังต้องขอไฟฟ้าใช้กันก็ยังมี ผมยกตัวอย่างเรื่องนี้ เพื่อนๆน่าจะนึกภาพตามได้ แล้วถ้า AI ต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าจะได้ใช้ทั่วถึง
ซึ่งรัฐบาลคงต้องเริ่มจากแผนและยุทธศาสตร์ และกระจายงบประมาณอบรม สร้างบุคลากร เปิดสถาบันหลักสูตรตามเขตภูมิภาคต่างๆ ทั้งนี้คงต้องรอติดตามว่า กลุ่ม Big tech จะมาสร้าง Data center และช่วยพัฒนาบุคลากรอย่างไร ไทยจะได้หรือเสียประโยชน์มากกว่าหรือไม่อย่างไร คงต้องฝากคำถามนี้เช่นเดียวกับ คุณพีพี MIT ครับ

Piyapon pongkaew
บรรณาธิการ ThinkerFriend
New Media Scholar and Data Analyst: MEDIA AI
contact : numsiam.pr@gmail.com
Citations:
[1] https://www.onep.go.th/26-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-2567-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A-data-center-%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B4/
[2] https://www.nytimes.com/2024/09/15/opinion/data-centers-ai-amazon-google-microsoft.html
[3] https://humanrights.berkeley.edu/projects/climate-impact-of-ai-data-centers/
[4] https://www.bangkokbiznews.com/corporate-moves/tech/innovation/1133555
[5] https://prasa-pl.com/blog/ai-and-data-centers-the-untold-challenges-and-solutions/
[6] https://www.posttoday.com/international-news/702869
[7] https://blog.se.com/datacenter/2024/09/26/solving-ai-growing-pains-edge-modular-data-centers/
[8] https://www.thaipbs.or.th/now/content/1891
[9] https://gradientcorp.com/trend_articles/impacts-of-large-data-centers/