วงการสื่อสะเทือน! ช่องว่างใหญ่เบิ้มการเลือกใช้ AI ผู้ปฏิบัติงานตัวจริงชี้ “เทคนิคเทพ” อาจไม่ตอบโจทย์หน้างานจริง แนะองค์กรฟังเสียงคนใช้ก่อนตัดสินใจ ป้องกันลงทุนเสียเปล่า ได้เครื่องมือสุดล้ำแต่ใช้ไม่เป็น ด้าน “ปิยะพล พวงแก้ว” วิทยากร AI MEDIA และกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ ได้มีโอกาสเดินทางไปอบรมพัฒนาทักษะสื่อใน 4 ภูมิภาค ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้พบกับผู้ผลิตสื่อและตัวแทนหน่วยงาน
จึงทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนา ซึ่งตรงนี้ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตสื่อ ผ่านทุกกระบวนการในรูปแบบ old media ,new media และศึกษาการเปลี่ยนผ่านของแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี AI เนื่องจากมีความสนใจด้านนี้โดยเฉพาะ จึงอยากเสนอแนะหน่วยงานรัฐและองค์กรควรตื่นตัว วางแนวทางใช้ AI อย่างปลอดภัย สร้างความเข้าใจตั้งแต่ผู้บริหารถึงบุคลากร ป้องกันข้อมูลรั่วไหลในยุคที่ทุกคนใช้ AI ส่วนตัวทำงาน วันนี้ใครเริ่มก่อนได้เปรียบ ทุกอย่างมันไวมาก วันนี้เรารู้ แต่พรุ่งนี้เราอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ ยุคนี้จึงต้องมีทีมเฉพาะกิจ หรือทีมพัฒนานวัตกรรม AI เกิดขึ้นในองค์กรเพื่อศึกษาและติดตาม และคอยรายงานให้ผู้บริหารเพื่ออัพเดทตลอด

ประเด็นร้อนในแวดวงเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมผลิตสื่อ เมื่อการตัดสินใจเลือกใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ กลับกลายเป็นปัญหาโลกแตกที่หลายองค์กรกำลังเผชิญ นายปิยะพล พวงแก้ว วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้าน AI สำหรับสื่อ และกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ ให้ทัศนะว่า จุดบอดสำคัญคือการมอบอำนาจตัดสินใจให้ฝ่ายเทคนิคหรือผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพียงฝ่ายเดียว ทั้งที่กลุ่มคนเหล่านี้อาจไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งถึงกระบวนการทำงานและความต้องการที่แท้จริงของ “ผู้ใช้งาน”

นายปิยะพลชี้ว่า การเลือก AI เปรียบเสมือนการเลือกผู้ช่วยคนสำคัญ หากแต่หลายครั้งองค์กรมักให้น้ำหนักกับ “สเปค” หรือความสามารถทางเทคนิคที่หรูหรา มากกว่าจะพิจารณาว่าเครื่องมือนั้นๆ เหมาะสมกับ “คนทำงาน” และ “เนื้องาน” จริงหรือไม่
“ปัญหาคือ ผู้เชี่ยวชาญไอที หรือโปรแกรมเมอร์ เขามองจากมุมของระบบ มองโค้ด มองความซับซ้อนทางเทคนิค ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่เขาไม่ได้ลงสนามจริง ไม่ได้ปวดหัวกับการหาข้อมูล ตรวจสอบแฟกต์ เขียนข่าว เขียนบทความ หรือนั่งแก้กราฟิกให้ตรงใจลูกค้าหรือผู้อ่าน” นายปิยะพลกล่าว

ทำไม “คนทำคอนเทนต์” คือผู้ชี้ขาดตัวจริง?
ผู้ปฏิบัติงานในสายคอนเทนต์ย้ำว่า พวกเขามีประสบการณ์ตรงที่ประเมินค่าไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการ:
- รู้ลึกกระบวนการ: ตั้งแต่การค้นคว้าข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง การตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำ การเรียบเรียงเนื้อหาให้น่าสนใจ ไปจนถึงการปรับแต่งชิ้นงานกราฟิกให้สื่อสารได้ตรงจุด
- เข้าใจผู้รับสาร: รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร ต้องการอะไร และคอนเทนต์แบบไหนที่จะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ดีที่สุด
- เห็นข้อจำกัดและความต้องการจริง: สามารถแยกแยะได้ว่า AI ตัวไหนที่เข้ามาช่วยลดขั้นตอนการทำงานในชีวิตประจำวันได้จริง ฟีเจอร์ไหนที่ดูดีแค่ในทางทฤษฎีแต่พอใช้งานจริงกลับยุ่งยากซับซ้อน หรือเครื่องมือใดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้จริง ไม่ใช่แค่ตามกระแสความทันสมัย






มุมมอง “เทคนิค” ดาบสองคม?
ขณะที่ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคเป็นสิ่งจำเป็น แต่การยึดติดกับมุมมองนี้เพียงอย่างเดียวอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ผู้เชี่ยวชาญไอทีมักจะ:
- มองลึกแต่แคบ: มีความเข้าใจเชิงลึกในโครงสร้างทางเทคนิค แต่อาจขาดมุมมองการประยุกต์ใช้งานจริงในบริบทของงานคอนเทนต์
- เน้นสเปคมากกว่าเวิร์คโฟลว์: ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติทางเทคนิคของ AI โดยอาจไม่ได้คำนึงว่าเครื่องมือนั้นๆ จะเข้ากับกระบวนการทำงาน (workflow) ของทีมผลิตคอนเทนต์ได้ราบรื่นเพียงใด
- ละเลยปัจจัยแฝง: การแนะนำเครื่องมืออาจมองข้ามปัจจัยสำคัญ เช่น ความง่ายในการเรียนรู้และใช้งาน (user-friendliness) ความเสถียรในการทำงานระยะยาว หรือแม้กระทั่งต้นทุนแฝงในการปรับตัวของทีมงาน
ทางออก: “คนใช้” นำ “เทคนิค” หนุน – ข้อเสนอถึงองค์กรและหน่วยงานรัฐ
นายปิยะพล พวงแก้ว ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่างๆ ว่า การให้ความสนใจในการนำ AI มาพัฒนาในวันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้หน่วยงานเริ่มเข้าใจและเห็นภาพการเปลี่ยนแปลง
“ผู้บริหารควรเป็นกลุ่มแรกที่ได้ทดลองใช้งาน AI อาจจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาสาธิตการใช้งาน ก็จะทำให้เห็นภาพมากขึ้น จากนั้นจึงให้ความสำคัญกับบุคลากรที่สนใจและมีความเข้าใจ ที่จะสามารถนำ AI มาปฏิวัติกระบวนการทำงาน (Revolutionizing work) ในรูปแบบใหม่ๆ ได้”
พร้อมกันนี้ การเรียนรู้การใช้ AI อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งจำเป็น นายปิยะพลเน้นย้ำ “ต้องรู้ว่าจะเลือกใช้ data อย่างไร ประเภทใด และที่สำคัญที่สุดคือต้องมีการกำหนดขอบเขตในการให้ข้อมูลสำคัญแก่ AI เพื่อไม่ให้ข้อมูลสำคัญรั่วไหล ผู้ใช้ต้องมีความเข้าใจว่าข้อมูลใดเป็นชั้นความลับขององค์กรที่ไม่ควรเผยแพร่หรือบันทึกใน AI ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเราโดยตรง เราควรระมัดระวัง แต่ไม่ใช่กลัวจนไม่กล้าใช้งาน เรื่องนี้ต้องมีการอบรมและให้ความรู้ในการใช้งานอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ”
ปัจจุบันพบว่ามีการใช้งาน AI ส่วนบุคคลจำนวนมาก ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงินรายเดือนเอง เพื่อนำมาพัฒนางานในองค์กร ซึ่งนายปิยะพลมองว่า “นี่อาจเป็นช่องโหว่ทำให้ข้อมูลหรือความลับขององค์กรรั่วไหลผ่าน AI เหล่านั้นได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่หน่วยงานจะต้องให้ความรู้แก่บุคลากร และทำความเข้าใจในการนำ AI มาใช้งาน ควบคู่ไปกับการสร้างกลไกป้องกันโดยที่ user หรือผู้ใช้เองที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลสำคัญ ต้องรู้จักดูแลข้อมูล ใช้ให้เป็น ใช้ให้ปลอดภัย และไม่สร้างความเสียหายแก่องค์กร”
บทสรุปที่ชัดเจนจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญคือ การเลือก AI สำหรับผลิตสื่อและคอนเทนต์ ไม่ควรถูกครอบงำด้วยความล้ำหน้าทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว ประสบการณ์และความเข้าใจในเนื้องานจริงของผู้ที่จะนำเครื่องมือไปใช้ต่างหาก คือกุญแจสำคัญ “ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่หน่วยงานต้องไปวางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป เพื่อให้การนำ AI มาใช้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความเสี่ยงต่ำที่สุด” นายปิยะพลกล่าวทิ้งท้าย.