อุตสาหกรรมและพลังงานปี 2025 สู่ยุคใหม่แห่งความยั่งยืน

สวัสดีครับเพื่อนๆชาว thinkerfriend ใกล้เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ 2568 อีกไม่กี่วันแล้วนะครับ วันนี้มีเรื่องดีๆน่าสนใจ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าในเชิงนโยบายที่ไทยกำลังผลักดันเรื่องพลังงาน เทคโนโลยี และการเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมไทย น่าจับตามากๆครับ ต่อจากนี้

โดยทิศทางในปี 2025 วงการอุตสาหกรรมและพลังงานของโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เน้นความยั่งยืนและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม จะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนถึง 35% ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก พร้อมกับการลงทุนในพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น IoT และ AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบ Smart Grid เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน

A New Era of Sustainability

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านไฟฟ้ากำลังและการส่งออกสินค้าเทคโนโลยี นอกจากนี้การลดการปล่อยคาร์บอนจะเป็นเป้าหมายสำคัญของทุกภาคส่วน ด้วยการใช้เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนและพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว โลกกำลังมุ่งสู่อนาคตที่ตอบสนองความต้องการพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

การที่รัฐบาลไทยและหน่วยงานให้ความสำคัญสอดคล้องกับบริบทโลกที่มุ่งเน้นในด้านความยั่งยืนของพลังงานและอุตสาหกรรม การเตรียมพร้อมและรับมือเพื่อผลักดันกฎหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี จะเป็น go ในการพัฒนาและกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ไทยสามารถที่จะแข่งขันในเวทีโลก และได้รับความสนใจจากต่างประเทศในเรื่องนี้ ล่าสุดทางกระทรวงพลังงานและอุตสาหกรรมได้ร่วมประชุมและผลักดันนโยบายสำคัญที่น่าสนใจมากๆ ผมนำมาสรุปให้อ่านกันครับ

ความร่วมมือเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน รุกตลาดโลก

โดยทาง นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ร่วมเป็นประธานการประชุมหารือขับเคลื่อนนโยบายระหว่างกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญในการบูรณาการนโยบายระหว่างสองกระทรวง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ และสร้างความยั่งยืนในภาคพลังงานและอุตสาหกรรม

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยพลังงานสะอาด

ที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญในการยกระดับการอนุญาตและอนุมัติด้านพลังงานสู่ระบบ One Stop Service เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ลดขั้นตอนและระยะเวลา รวมถึงการส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์สำหรับภาคประชาชนในปีหน้า

นอกจากนี้ ยังมีแนวทางสนับสนุนการใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคอุตสาหกรรม เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ตามแผนการพัฒนาพลังงาน PDP2024 ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี 2065

ผลักดันเชื้อเพลิงชีวภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม

มาตรการสำคัญคือการสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในอุตสาหกรรม S-Curve เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เช่น เอทานอลในอุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง และพลาสติกชีวภาพ รวมถึงการผลักดันกฎหมายส่งเสริมปาล์มน้ำมัน เพื่อรองรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF)

ด้านการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมยังได้หารือแนวทางรับซื้อใบอ้อยและยอดอ้อยเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเผา ลดฝุ่น PM 2.5 แล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร

จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ยกระดับพลังงานทดแทน

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์จากแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ที่หมดอายุใช้งาน โดยทั้งสองกระทรวงจะร่วมกันกำหนดมาตรฐานและแนวทางบริหารจัดการ ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการกำจัด รวมถึงการส่งเสริมการนำแบตเตอรี่ไฟฟ้ากลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบ 2nd Life Battery เพื่อเป็นระบบกักเก็บพลังงาน

กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ถือเป็นมิติใหม่ของความร่วมมือระหว่างสองกระทรวง โดยมีเป้าหมายลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมเน้นการพลิกโฉมพลังงานสะอาดและการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม

ขณะที่นายเอกนัฏ กล่าวเสริมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าผลักดัน GDP ของประเทศให้เพิ่มขึ้น 1% โดยไม่ใช้งบประมาณเพิ่มเติม แต่เน้นเพิ่มมูลค่าด้านการผลิตและการเกษตร พร้อมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการนโยบายด้านพลังงานและอุตสาหกรรม เพื่อประโยชน์ของประชาชน สร้างความยั่งยืนทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ท่านรัฐมนตรีฯ ในการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกด้านพลังงาน และอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามาเพิ่มศักยภาพ นำเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทย การร่วมกันผลักดันแบบมีเป้าหมาย ทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ ถือเป็นข่าวดีรับปีใหม่ ผู้นำที่กล้าและมีวิชั่นเท่าทันโลกปัจจุบัน ย่อมเห็นโอกาสครับ ยังไงยังคงต้องติดตามกันต่อครับ สำหรับปี 2025

เด่วฉบับหน้าผมจะนำข้อมูลที่ทั่วโลกกำลังเตรียมแผนรองรับเกี่ยวกับผลกระทบเกี่ยวกับ AI ที่กำลังพูดถึงในหลายมิติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะนำมาถอดบทเรียนศึกษาได้ครับ ซึ่งตอนนี้ไทยเราเปิดประเทศดึง big tech มาลุงทุนระะยยาวด้วย น่าสนใจมากๆครับ

ปิยะพล พวงแก้ว

New Media Scholar and Data Analyst: MEDIA AI

contact : numsiam.pr@gmail.com

ข้อมูล

Citations:
[1] https://www.wearecp.com/windmill-2025/
[2] https://www.greennetworkthailand.com/electricity-solar-outlook-2024-2025/
[3] https://www.jenosize.com/th/ideas/utility-for-our-world/5-green-energies-for-businesses
[4] https://www.kubix.co/news-articles/5-interesting-investment-trends-in-2025/
[5] https://th.investing.com/news/commodities-news/article-93CH-231248
[6] https://www.electricityandindustry.com/6-trends-industry-for-future/
[7] https://www.scbeic.com/th/detail/file/product/9634/h1ctuj8u6l/Industry-insight-EE-20241031.pdf
[8] https://www.inet.co.th/th/news/content/673e691834bc9417b90cad65
[9] https://techsauce.co/tech-and-biz/year-2025-global-innovation-transformation
[10] https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?id=bDZCVjVHQWF4RW89

ThinkerFriend.com สังคมแห่งการแบ่งปัน เรื่องราวดีๆ โดยนักคิด นักเรียน และความรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับชาว ThinkerFriend ทุกคน

ยอดติดตามทุกช่องทางกว่า 50,000 follow up

สนใจติดต่อ

numsiam.pr@gmail.com