ยุคใหม่แห่งการค้นหา! กูเกิลปรับเกม 3 กลยุทธ์สำคัญ ทำเว็บไซต์ติดอันดับในยุค AI Search

การมาถึงของยุค “AI Search” กำลังสั่นสะเทือนวงการตลาดดิจิทัล และเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่หวังให้แบรนด์ของตนติดอันดับต้น ๆ ในผลการค้นหา ต้องปรับกลยุทธ์รับมือกับ “คลื่นใต้น้ำ” ลูกนี้อย่างเร่งด่วน

คุณไอซ – ไอซค ศิริกานต์พายัพ ซีอีโอ Nth Optimiz เอเจนซี่ SEO ชั้นนำของไทย เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกว่า พฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งานเริ่มเปลี่ยนจาก “การเข้าเว็บไซต์” ไปเป็นการใช้แพลตฟอร์ม AI อย่าง ChatGPT, Perplexity หรือ Gemini เพื่อหาคำตอบมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ยอดเข้าชมลดลง แต่ยอดขายกลับพุ่ง

แม้ทราฟฟิกจะลดลง แต่ข้อมูลสถิติกลับเผยให้เห็นเทรนด์ที่น่าสนใจว่า “ความเข้มข้นของผู้ใช้งาน” ที่เข้ามาในเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรือที่เรียกว่า “Conversion Rate” ที่สูงขึ้น นั่นเพราะผู้บริโภคได้ทำการค้นคว้าและตัดสินใจผ่านแพลตฟอร์ม AI มาก่อนแล้ว ทำให้กลุ่มคนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีความตั้งใจที่จะซื้อสินค้าและบริการอย่างแท้จริง

“สิ่งที่นักการตลาดต้องทำคือการเก็บ Lead ให้ได้มากที่สุด” คุณไอซกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการเสนอของขวัญแลกอีเมล หรือให้ลูกค้าแอดไลน์ เพื่อเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นว่าที่ลูกค้า ก่อนที่จะใช้การตลาดแบบ ‘Lead Nurturing’ เพื่อปิดการขายในท้ายที่สุด”

Short-Term: AI คือคลื่นใต้น้ำสร้าง Brand Awareness

คุณไอซ์แนะนำให้มองผลลัพธ์ของการทำ AI Search เป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้น และ ระยะยาว

ในระยะสั้น พฤติกรรมของผู้ใช้ยังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก Google ยังคงเป็นช่องทางหลัก แต่ที่ต่างออกไปคือส่วนของหน้าจอที่เริ่มมี “AI Overview” เข้ามาแทรกอยู่ การทำ SEO ให้ติดอันดับในกูเกิลจึงยังคงสำคัญยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักแล้ว ยังเป็นการสร้างรากฐานความแข็งแกร่งในยุค AI เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

3 กลยุทธ์สำคัญ ทำเว็บไซต์ติดอันดับในยุค AI Search

คุณไอซได้แนะนำ 3 กลยุทธ์หลักสำหรับนักทำ SEO หรือเจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการให้แบรนด์ของตนติดอันดับในผลการค้นหาของ AI:

1. Technical SEO – เปิดประตูให้ AI เข้าถึง

  • Robot.txt: เช็กให้ชัวร์ว่าได้เปิด User Agent ให้บอทจากแพลตฟอร์ม AI ทุกแพลตฟอร์มสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์ได้
  • LLM.txt: ไฟล์ข้อมูลที่รวบรวมบทความและหัวข้อต่าง ๆ เพื่อให้ AI (Large Language Model) เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
  • Web API/Plugins: เชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง เช่น Open AI (ChatGPT) เพื่อให้ AI ดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ได้อย่างตรงประเด็นและแม่นยำ

2. On-page SEO – สร้างเนื้อหาคุณภาพสูง

  • Content คุณภาพแบบเจาะลึก: เน้นสร้างคอนเทนต์ที่เฉพาะเจาะจงและครอบคลุม “Long Tail Keyword” และ “QY Fan-out” (เทคนิคการแตกคำค้นหาของ AI) เพื่อให้ตอบโจทย์การค้นหาแบบสนทนาที่ซับซ้อนของผู้ใช้งาน
  • การทำงานร่วมกันระหว่างคนและ AI: ให้ AI ช่วยวางโครงเรื่องและเค้าร่าง ส่วนมนุษย์เสริมข้อมูลเชิงลึกและสร้างสรรค์เนื้อหาให้มีคุณภาพ
  • Structure Data: จัดทำชุดข้อมูลที่มีโครงสร้างชัดเจน (เช่น JSON-LD) เพื่อให้บอทของกูเกิลและ AI เข้าใจข้อมูลในเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น

3. Off-page SEO – สร้างความน่าเชื่อถือจากภายนอก

  • Brand Web Mentions: สร้างการพูดถึงแบรนด์ในเว็บไซต์อื่น ๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณ
  • Brand Anchor: เมื่อมีการสร้างลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ ควรใช้ชื่อแบรนด์เป็น Anchor Text
  • Content ในแพลตฟอร์มอื่น: การมีเนื้อหาในแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง YouTube จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ AI จะเจอและนำคอนเทนต์ไปแสดงผลได้มากขึ้น

คุณไอซทิ้งท้ายว่า การทำ AI Search ไม่ใช่การทิ้งการทำ SEO แบบดั้งเดิม แต่เป็นการผสานกลยุทธ์ใหม่เข้าไปในรากฐานเดิม และเรียกกระบวนการนี้ว่า “AEO” (Answer Engine Optimization) และ “GEO” (Generative Engine Optimization) เพื่อให้แบรนด์ของคุณสามารถยืนหนึ่งในยุคแห่งการค้นหาที่เปลี่ยนไปนี้ได้อย่างมั่นคง.

เมื่อ AI เข้ามาเปลี่ยนเกม! ผู้ใช้หันหลังให้ Google เจ้าของแบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์รับมือ

การมาถึงของ “AI Search” ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการดิจิทัล และกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะผู้ประกอบการและนักการตลาดที่เคยพึ่งพาทราฟฟิกจาก Google เป็นหลัก อาจต้องปรับตัวรับมือกับยุคใหม่นี้อย่างเร่งด่วน

คุณไอซ-ไอซค ศิริกานต์พายัพ ซีอีโอจาก Nth Optimiz เอเจนซี่ SEO ชั้นนำ ได้เผยถึงแนวโน้มที่น่าจับตามองว่า ผู้ใช้งานกำลัง “เข้าเว็บไซต์น้อยลง” และหันไปใช้แพลตฟอร์ม AI อย่าง ChatGPT, Perplexity และ Gemini ในการค้นหาข้อมูลแทน ส่งผลให้ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ (traffic) ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของการตลาดแบบ Inbound Marketing ที่มุ่งดึงดูดลูกค้าด้วยคอนเทนต์

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ธุรกิจต้องพลิกเกมสู้

ในอดีตผู้ใช้งานมักจะค้นหาแบบสั้นๆ และเข้าเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูล แต่ยุค AI ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญดังนี้:

  • การค้นหาที่ยาวและซับซ้อนขึ้น: ผู้คนเริ่มค้นหาแบบเจาะลึกและมีบริบทที่มากขึ้น เช่น จากคำว่า “ซ่อมคอมพิวเตอร์” กลายเป็น “ช่วยแนะนำวิธีการซ่อมคอมแบบเป็นขั้นเป็นตอน” ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการได้รับข้อมูลโดยตรงจากแพลตฟอร์มที่ใช้ค้นหา
  • ศึกษาข้อมูลผ่าน AI ก่อนตัดสินใจ: ผู้บริโภคจะทำการ “Educate” หรือเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์ม AI ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการตัดสินใจ ทำให้ผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์มี “Intention” (ความตั้งใจ) ในการซื้อสูงมาก
  • Traffic ลดลง แต่ Conversion Rate พุ่ง: แม้จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จะลดลงเกือบครึ่งจากผลของ “AI Overview” ของ Google ที่สรุปข้อมูลให้ผู้ใช้งานเห็นโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บไซต์ แต่ข้อมูลสถิติกลับชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่เข้าเว็บไซต์มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ “Conversion Rate” สูงขึ้นตามไปด้วย

รับมืออย่างไรในยุคที่ผู้บริโภคเข้าเว็บไซต์น้อยลง?

เมื่อพฤติกรรมผู้ใช้งานเปลี่ยนไป เจ้าของแบรนด์และนักการตลาดจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ตาม ดังนี้:

  • เร่งเก็บ Lead ให้ได้มากที่สุด: เนื่องจากผู้เข้าชมเว็บไซต์มีคุณภาพและมีแนวโน้มที่จะซื้อสูง จึงเป็นโอกาสทองที่จะต้องพยายาม “เก็บ Lead” เหล่านั้นมาให้ได้มากที่สุด ผ่านการเสนอของขวัญแลกอีเมล หรือการให้แอดไลน์เพื่อนำไปสู่กระบวนการ “Lead Nurturing” (การให้ความรู้และสร้างความสัมพันธ์ต่อเนื่อง) เพื่อเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าในที่สุด
  • สร้างคอนเทนต์แบบเจาะลึกและตรงเป้า: การทำคอนเทนต์ในยุคนี้ต้อง “Specific” (เฉพาะเจาะจง) เพื่อตอบโจทย์การค้นหาที่ซับซ้อนของผู้ใช้งาน รวมถึงการทำคอนเทนต์ที่ครอบคลุม “Long Tail Keyword” และ “QY Fan-out” (เทคนิคที่ AI ใช้ในการแตกคำค้นหา) ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ AI จะเจอและนำคอนเทนต์ของเราไปแสดงผล
  • ยังคงต้องทำ SEO: ในระยะสั้น Google ยังคงเป็นแพลตฟอร์มหลักที่สำคัญมากในการสร้าง “Brand Awareness” และ “User Journey” ให้ผู้บริโภครับรู้และรู้จักแบรนด์ในวงกว้าง เพราะแม้ในระยะยาว AI อาจเข้ามาจัดการทุกอย่างให้เราโดยอัตโนมัติ แต่รากฐานการทำ SEO ที่ดีก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์แข็งแกร่งและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ชวนเพื่อนๆเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อรับข่าวสาร AI

หรือกดที่ลิ้งค์ https://line.me/ti/g2/oDOiEXWEWPAbslz-3LtaOShg4qxIx1YOMA71UA?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

Piyapon pongkaew

บรรณาธิการ / คอลัมนิสต์ ThinkerFriend

New Media Scholar and Data Analyst: MEDIA AI

นักพัฒนานวัตกรรม AI ThinkerFriend – เพื่อนคิด

Profile ประวัติการทำงาน

contact : numsiam.pr@gmail.com

ThinkerFriend.com สังคมแห่งการแบ่งปัน เรื่องราวดีๆ โดยนักคิด นักเรียน และความรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับชาว ThinkerFriend ทุกคน

ยอดติดตามทุกช่องทางกว่า 50,000 follow up

สนใจติดต่อ

numsiam.pr@gmail.com