เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568 รายการ “กรรมาธิการเพื่อประชาชน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา FM 87.5 MHz ได้นำเสนอประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ “สถานการณ์การเมืองไทยภายใต้ความขัดแย้งระดับโลกและภูมิภาค” โดยได้รับเกียรติจาก นายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มาให้มุมมองและข้อมูลเชิงลึกกับ นายปฐมพงษ์ ท่าข้าม ผู้ดำเนินรายการ
ย้อนรอยบทบาทวุฒิสภา: “ความเป็นกลาง” คือหัวใจ
นายนิรัตน์ อดีตวุฒิสมาชิกจากจังหวัดชัยภูมิ ที่กลับมาทำหน้าที่อีกครั้งในสมัยที่สอง เผยถึงความแตกต่างของการทำงานในปัจจุบันกับอดีตเมื่อปี 2543 ว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ให้อำนาจวุฒิสภาค่อนข้างมาก รวมถึงการถอดถอนรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี แต่ในปัจจุบันบทบาทอาจลดลง อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงคือ **”ความเป็นกลางทางการเมือง”** ซึ่งถือเป็นหลักสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของวุฒิสภา
ภารกิจรอบด้าน: คุ้มครองผลประโยชน์ไทยในเวทีโลก
คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา มีภารกิจหลักด้านกิจการต่างประเทศที่ครอบคลุม โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 3 อนุคณะกรรมาธิการ ได้แก่ อนุคณะกรรมาธิการที่ 1 ดูแลเรื่องข้อกำหนดทางการค้าและ FTA, อนุคณะกรรมาธิการที่ 2 ดูแลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความขัดแย้งในภูมิภาค และอนุคณะกรรมาธิการที่ 3 ดูแลเรื่องการค้าชายแดนและการแก้ไขปัญหาประชาชน โดยนายนิรัตน์ยอมรับว่างานของคณะกรรมาธิการฯ มีความหนาแน่นอย่างมาก
แก้ปมปากท้อง: ยา-การค้าชายแดน ประเด็นร้อนที่ต้องเร่งรัด
ในด้านการช่วยเหลือประชาชน นายนิรัตน์ระบุว่า อนุ 1 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการผลิตยาให้เร่งรัดการทำสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและใช้ยา ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าสูงถึงหลายหมื่นล้านบาทต่อปี โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้เข้าไปเจรจาเพื่อให้สามารถผลิตยาในประเทศได้เร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุนและราคา ด้านอนุ 3 ที่ดูแลการค้าชายแดน ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนต่อเนื่องเกี่ยวกับความล่าช้าในการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งนายนิรัตน์คาดการณ์ว่ามูลค่าการค้าชายแดนจะพุ่งสูงถึง 2 ล้านล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า
บทเรียนจากโลก: มองอิตาลีสู่โอกาสไทย
คณะกรรมาธิการฯ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ฝรั่งเศสและอิตาลี โดยนายนิรัตน์ยกตัวอย่างอิตาลีที่มีหนี้สาธารณะสูงแต่หนี้ครัวเรือนต่ำ ซึ่งตรงข้ามกับไทยที่หนี้สาธารณะต่ำแต่หนี้ครัวเรือนสูงถึง 90% บทเรียนนี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลควรลงทุนให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระหนี้ของประชาชน
นอกจากนี้ นายนิรัตน์ยังเน้นย้ำถึง “การสาธารณสุขไทย” ที่ถือเป็นจุดแข็งอันดับหนึ่งของประเทศที่เหนือกว่าหลายชาติพัฒนาแล้ว พร้อมทั้งชี้โอกาสที่ไทยจะสามารถดึงดูด “เศรษฐีต่างชาติ” ที่มีฐานะเข้ามาพำนักในประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคอื่น ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่าการท่องเที่ยว
จับตาสงครามโลก: อิหร่าน-อิสราเอล กระทบแรงงานไทยโดยตรง
ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้กล่าวถึงความขัดแย้งสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อไทย ได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นบทเรียนว่าการใช้กำลังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรจบด้วยการเจรจา
ส่วนกรณีอิหร่าน-อิสราเอล แม้ไม่มีพรมแดนติดกัน แต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อไทย เนื่องจากมีแรงงานไทยในอิสราเอลกว่า 60,000 คน และนักศึกษาไทยในอิหร่านประมาณ 500 คน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศต่างต้องการความสงบและพร้อมเจรจา โดยเอกอัครราชทูตของทั้งสองประเทศได้ยืนยันว่าจะดูแลคนไทยเป็นอย่างดี
สำหรับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เรื่องพรมแดนนั้น นายนิรัตน์มองว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในของกัมพูชาที่นำมาเกี่ยวพันกับการเมืองไทย และย้ำว่าไทยกับกัมพูชาไม่สามารถแยกจากกันได้ ควรพัฒนาและใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อน และการรวมกลุ่ม 5 ประเทศในอาเซียนจะเป็นกลุ่มเศรษฐกิจดาวรุ่งในอนาคต
เปิดช่องประชาชน: ทุกความเดือดร้อนคือหน้าที่ สว.
นายนิรัตน์เชิญชวนประชาชนที่มีปัญหาความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่างประเทศหรือประเด็นอื่น ๆ สามารถร้องเรียนมายังรัฐสภาได้โดยตรง หรือส่งตรงมาที่วุฒิสภา เพราะถือเป็นหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาในการช่วยเหลือประชาชน
วุฒิสภาขอร่วม “พายเรือ” ประเทศชาติไปข้างหน้า
ในตอนท้าย นายนิรัตน์เน้นย้ำถึงบทบาทของวุฒิสภาในการเป็น “หลัก” ให้กับรัฐสภา ยึดมั่นในความเป็นกลางทางการเมือง เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังคำกล่าวที่ว่า “ถ้าพายหันหน้าไปด้วยกัน ต่อให้พายทวนน้ำมันก็ยังเดินไปข้างหน้า”
รับฟังรายการ “กรรมาธิการเพื่อประชาชน” ย้อนหลังได้ทาง
📻 วิทยุรัฐสภา FM 87.5 MHz** พร้อม 14 เครือข่ายในส่วนภูมิภาค **AM 1071 KHz
📱 Mobile App : TPchannel
🖥 Website : tpchannel.org
🎧 Youtube : TPRADIO INNOVATION
