ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์” ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีผลในวันพรุ่งนี้ (10 ก.ค. 68) โดยก่อนหน้านี้ วุฒิสภาได้เคยเสนอให้ทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าว โดยระบุว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและมีข้อห่วงใยถึงผลกระทบทางสังคม
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการ “สภาปริทัศน์” ซึ่งออกอากาศเมื่อ วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.30 – 18.00 น. ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ระบบ FM 87.5 MHz และ AM 1071 KHz พร้อม 14 เครือข่ายในส่วนภูมิภาค ดำเนินรายการโดย นายณัฐพล สงวนทรัพย์

ค้านหนัก! ขัดรัฐธรรมนูญและฉันทามติประชาชน
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ได้เปิดเผยถึงเหตุผลและจุดยืนของวุฒิสภาในการคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยยืนยันว่า เหตุผลหลักในการคัดค้านประการแรกคือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย กับร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ และประการสำคัญคือ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 3 ที่ระบุให้คณะรัฐมนตรีต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย รวมถึงหลักนิติธรรม ซึ่งหมายถึงการคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ
“ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ยังไม่ทันเข้าวาระหนึ่งของสภาฯ ก็มีการประท้วงและการไม่เห็นชอบจากหลายภาคส่วน ทั้งอาจารย์ มหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และภาครัฐบาล หาก ครม. ยังดื้อดึงดันร่างนี้เข้าไปสู่การพิจารณา ผมคิดว่านี่คือการขัดกับหลักนิติธรรมอย่างชัดเจน” นายพิสิษฐ์กล่าว
ตั้งข้อสังเกต “รับฟังความเห็นประชาชน” ไม่น่าเชื่อถือ
เมื่อถูกถามถึงการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน นายพิสิษฐ์ ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลอ้างว่าได้มีการสำรวจความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ซึ่งระบุว่ามีผู้เห็นชอบถึง 70,000-80,000 คน แต่จากการตรวจสอบพบว่าเว็บไซต์ดังกล่าว ไม่มีการยืนยันตัวตน ทำให้ 1 คนสามารถลงความเห็นได้หลายครั้ง ซึ่งอาจเป็น “บอท” ที่เข้ามาเพิ่มจำนวนการกดเห็นด้วยอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ
ไม่พอแค่ถอน! ควร “เลิกคิด” ถึงร่างกฎหมายนี้
แม้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ จะระบุว่าการถอนร่างกฎหมายนี้เป็นเพียงการพักไว้ชั่วคราว และอาจนำกลับมาพิจารณาใหม่เมื่อรัฐบาลมีความพร้อม แต่นายพิสิษฐ์ ยืนยันจุดยืนว่า “การแค่ถอนไปไม่เพียงพอ เราอยากให้รัฐบาลเลิกคิดถึง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไปเลย”
นายพิสิษฐ์ ชี้ว่า รัฐบาลไม่ได้มีการหาเสียงเรื่องนี้มาก่อน และการที่ร่างกฎหมายยังอยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกาก็มีการต่อต้านมากขนาดนี้แล้ว การนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งจึงไม่เหมาะสม
ห่วง “คาสิโน 10%” บิดเบือนข้อเท็จจริง – เสี่ยงทุจริตสูง
ในประเด็นการกำหนดพื้นที่คาสิโนเพียง 10% ของเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ นายพิสิษฐ์ มองว่าเป็นการ “บิดเบือนข้อเท็จจริง” หากพิจารณาจากพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือคลองเตยที่มีเนื้อที่ 3,800 ไร่ 10% จะเท่ากับ 380 ไร่ ซึ่งใหญ่มากพอที่จะสร้างคาสิโนขนาดใหญ่ได้หลายแห่ง และงานวิจัยก็ระบุชัดเจนว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากคาสิโนที่เปิด 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ นายพิสิษฐ์ ยังแสดงความกังวลถึงผลกระทบทางสังคมและปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีคาสิโนแต่กลับไม่มีการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชันที่สูง ซึ่งแตกต่างจากสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จเพราะมีอัตราการคอร์รัปชันต่ำ
“ผมเชื่อว่าการนำคาสิโนขึ้นมาบนดินไม่ได้ทำให้การพนันใต้ดินหายไป เหมือนกับหวยใต้ดินที่ยังคงอยู่แม้จะมีสลากกินแบ่งรัฐบาล” นายพิสิษฐ์กล่าว พร้อมเตือนว่าอาจกลายเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนไปหมกมุ่นกับการพนันมากขึ้น และเงินที่ได้จะถูกโอนไปที่เจ้าของบ่อนคาสิโน ไม่ได้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ทางเลือกอื่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ: ท่องเที่ยว-แพทย์-เทคโนโลยี
นายพิสิษฐ์ ย้ำว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพอีกมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งธุรกิจคาสิโน โดยเฉพาะการส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของโลก และมีชายหาดติดอันดับโลกหลายแห่ง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มี การแพทย์ที่ดีอันดับต้นๆ ของโลก และคนไทยมี Service Mind ที่โดดเด่น จึงควรส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพของโลก รวมถึงการเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและเทคโนโลยี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดการลงทุนและพัฒนาประเทศในระยะยาว
วิปวุฒิฯ ยันพร้อมยื่นศาล รธน. หากร่างกฎหมายกลับมา
นายพิสิษฐ์ ยืนยันว่า หากร่าง พ.ร.บ. เอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ ถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งในอนาคต ตนเองและสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่เห็นด้วย จะรวบรวมรายชื่อเพื่อ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
รับฟังรายการย้อนหลังได้ทาง YouTube “TP Radio News”