การศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาเกี่ยวกับโครงการ “สถานบันเทิงครบวงจร” หรือ Entertainment Complex กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง หลังพบข้อกังวลอย่างหนักเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและอาชญากรรมที่อาจตามมา หากมีการอนุญาตให้มีบ่อนการพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย
นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการฯ เปิดเผยในรายการ “กรรมาธิการเพื่อประชาชน” ซึ่งออกอากาศเมื่อ วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.15 – 10.00 น. ว่า การศึกษาโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ กฎหมาย เศรษฐกิจ และผลกระทบทางสังคม โดยส่วนที่ตนดูแลคือผลกระทบทางสังคม ซึ่งพบว่ามีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

“Entertainment Complex อาจจะไม่ได้มีประเด็นอะไร ถ้ามันไม่ได้มีการทำให้มีคาสิโนถูกกฎหมายเข้ามาด้วย” นายณรเศรษฐ์กล่าวเน้นย้ำถึงประเด็นหลักที่ทำให้เกิดการถกเถียงและตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา โดยชี้ว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งก็มีคาสิโน แต่สิงคโปร์ซึ่งถูกนำมาเป็นต้นแบบนั้น มีบริบทที่แตกต่างจากไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องดัชนีคอร์รัปชันที่สิงคโปร์อยู่ในอันดับต้นๆ ขณะที่ไทยอยู่ในอันดับท้ายๆ
กรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายเกิดขึ้น จะมั่นใจได้อย่างไรว่าการบังคับใช้กฎหมายจะทำได้อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการฟอกเงินและกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมผิดกฎหมายต่างๆ ที่มักจะใช้บ่อนเป็นแหล่งฟอกเงิน
“ประเทศเพื่อนบ้านเราเจอปัญหานี้มาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ลาว ที่พม่า ที่กัมพูชาเองก็จะเป็นในพื้นที่ที่ไปตั้งคาสิโน แหล่งอาชญากรรม อัตราการเกิดอาชญากรรมก็จะเพิ่มขึ้น” นายณรเศรษฐ์กล่าว พร้อมยกตัวอย่างกรณี “ชเวโกะโก” ที่มีการร่วมมือกับจีนปราบปรามจนมีคนอพยพออกไปจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขนาดของ “ecosystem” อาชญากรรมที่อาศัยบ่อนถูกกฎหมายเป็นแหล่งฟอกเงิน

นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังตั้งข้อสังเกตว่า แม้โครงการ Entertainment Complex จะประกอบด้วยห้องประชุม โรงแรม หรือสนามกีฬา แต่รายได้หลักกว่า 80% ของโครงการเหล่านี้ในต่างประเทศมาจากส่วนของคาสิโน หากไม่มีคาสิโน นักลงทุนอาจไม่สนใจเข้ามาลงทุน เนื่องจากกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ เช่น สวนน้ำ หรือห้องประชุม มีอยู่แล้วในประเทศไทย
นายนรเศรษฐ์ยังได้ชั่งน้ำหนักระหว่างผลได้และผลเสีย โดยชี้ว่าแม้จะมีรายได้เพิ่มจากภาษี แต่ผลกระทบทางสังคม เช่น การขยายตัวของอาชญากรรมในท้องที่ และปัญหาการติดพนันที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสังคมโดยรวมนั้น เป็นสิ่งที่ “ตีค่าเป็นเงินได้ยาก”
ท้ายที่สุด กรรมาธิการฯ ยืนยันว่า นโยบายสาธารณะที่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างเช่นนี้ ควรมีการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่านี้ โดยเฉพาะประชาชนในท้องที่ที่จะมีการจัดตั้งโครงการ ควรมีการทำประชาพิจารณ์หรือประชามติ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างแท้จริง

การเมืองไทยร้อนระอุ ส.ว.ห่วงรัฐธรรมนูญปี 60 ต้นเหตุความขัดแย้ง
ในส่วนของสถานการณ์การเมืองไทย นายณรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชนฯ ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบันที่ “ค่อนข้างร้อนแรง” และมีข่าวที่ต้องติดตามรายวัน
นายนรเศรษฐ์มองว่า ต้นเหตุของความวุ่นวายหลายอย่างมาจากการใช้ รัฐธรรมนูญปี 2560 เช่น การใช้ “นิติสงคราม” เล่นงานกัน และการที่องค์กรอิสระเข้ามามีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ซึ่งเป็น “ช่องโหว่” ที่ทำให้บ้านเมืองติดล็อกและไปต่อไม่ได้
คณะกรรมาธิการฯ จึงกำลังพิจารณาถึงความเหมาะสมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยมีการจัดทำรายงานเกี่ยวกับ “สสร.ในฝัน” หรือสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อศึกษาถึงที่มา คุณสมบัติ และรูปแบบของ สสร. ที่จะเป็นตัวแทนของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลจาก 4 ภาคทั่วประเทศ และกำลังจะจัดที่กรุงเทพมหานครในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ โดยมีผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เข้าร่วมด้วย
นายนรเศรษฐ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลับคล้ายคลับคากับเหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 10-20 ปีก่อน โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ยังเชื่อว่ามีหลายการตัดสินใจของฝ่ายการเมืองที่สามารถทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงไปถึงจุดนั้นได้
“ผมคิดว่าบทเรียนในอดีตมีมาชัดเจนแล้วนะฮะอยู่ที่ว่าเราจะเลือกเดินไปทางนั้นหรือเปล่านะครับแล้วผมคิดว่าตรงนี้แหละประชาชนก็จะต้องจับตามองว่าความกล้าหาญในการตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมืองเนี่ยเราก็จะเห็นชัดว่าสุดท้ายแล้วเนี่ยถ้าเขาเลือกที่จะทำเพื่อตัวเองนะครับหรือว่าเขาเลือกที่จะทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชนเป็นหลัก” นายณรเศรษฐ์กล่าวทิ้งท้าย

เศรษฐกิจไทยยังคงถดถอย SME-เกษตรกรเผชิญความท้าทาย
ในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม นายณรเศรษฐ์ ซึ่งเป็นกรรมาธิการการพาณิชย์และอุตสาหกรรม ได้แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน “ไม่มีเครื่องยนต์” หลักที่จะผลักดัน GDP ให้เพิ่มขึ้น และเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่จะสร้างงานสร้างรายได้
เมื่อเศรษฐกิจแย่ลง การบริโภคก็ลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพ่อค้าแม่ขาย และกลุ่ม SME และ Micro SME ซึ่งอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างลำบาก คณะกรรมาธิการฯ จึงพยายามหาแนวทางแก้ไขและเสนอต่อรัฐบาลในเชิงนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ SME และ Micro SME รวมถึงปัญหาเชิงกฎหมายและปัญหาที่เกิดจากการคอร์รัปชัน
นายนรเศรษฐ์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีแนวโน้มถดถอย โดยอ้างอิงจากสภาพัฒน์ฯ ที่คาดการณ์ว่า GDP อาจโตเพียง 1.8% เท่านั้น โดยชี้ว่าความสามารถในการแข่งขันของไทยค่อนข้างเหนื่อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมมีการย้ายฐานการผลิตไปในประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า ขณะที่อุตสาหกรรมใหม่ๆ ยังไม่เลือกมาลงทุนในไทย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายยังไม่พร้อม รวมถึงระบบราชการที่ยังมีความยุ่งยาก
นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาค SME โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ ซึ่งเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย ทำให้ไม่สามารถนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำได้ และงานบางส่วนยังเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้คนทำ ไม่สามารถใช้หุ่นยนต์ได้ ซึ่งกรรมาธิการฯ กำลังพิจารณาถึงการแก้ไขกฎหมายบางส่วนเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเหล่านี้ แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออาชีพสงวนของคนไทย
สามารถรับฟังรายการ “กรรมาธิการเพื่อประชาชน” ย้อนหลังได้ทาง
- วิทยุรัฐสภา: FM 87.5 MHz พร้อม 14 เครือข่ายในส่วนภูมิภาค AM 1071 KHz
- Mobile App: TPchannel
- Website: tpchannel.org
- Youtube: TPRADIO INNOVATION