“ท็อป จิรายุส” ฉายภาพอนาคต 2030: AI โค่นมนุษย์ คนตกงานมหาศาล ชี้ทางรอดต้องมี “ทักษะมนุษย์” ควบคู่เทคโนโลยี

“ท็อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ซีอีโอแห่ง Bitkub ฉายภาพอนาคตอันใกล้ที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างสิ้นเชิงภายในปี 2030 โดยคาดการณ์ว่า AI จะฉลาดกว่ามนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลก นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ และการจ้างงานครั้งประวัติศาสตร์ พร้อมเตือนว่า “คนจะตกงานเยอะมาก” หากไม่ปรับตัว และชี้ว่าทางรอดเดียวคือการพัฒนา “ทักษะด้านมนุษย์” ที่ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้

โลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และหุ่นยนต์

นายจิรายุสคาดการณ์ว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงจะรุนแรงยิ่งกว่า 50 ปีที่ผ่านมา เมื่อ AI มีความสามารถเหนือมนุษย์ งานส่วนใหญ่จะถูกส่งต่อให้ AI และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่จะกลายเป็นเครื่องใช้สามัญประจำบ้าน นอกจากนี้ บนท้องถนน 50% ของรถยนต์จะขับเคลื่อนได้เอง และอาจสูงถึง 90% ในอีก 10 ปี

ในมิติเศรษฐกิจ เขาชี้ว่านิยามของ GDP จะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยจะคำนวณจาก “จำนวนหุ่นยนต์คูณด้วยประสิทธิภาพ” ซึ่งอาจนำไปสู่ “GDP แบบไร้ขีดจำกัด” เนื่องจากการผลิตด้วยหุ่นยนต์มีต้นทุนต่ำและไร้ขีดจำกัดด้านแรงงาน

ถึงเวลาสังคายนากฎหมายและสัญญาสังคม

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ บีบให้สังคมต้องกลับมาทบทวนกฎหมายและ “สัญญาสังคม” (Social Contract) ครั้งใหญ่ นายจิรายุสเชื่อว่าแนวคิด “รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า” (Universal Basic Income) จะกลายเป็นเรื่องจริงที่ต้องพูดคุยกันอย่างจริงจัง ขณะที่ระบบประกันสังคมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแบบเดิมจะไม่สามารถตอบโจทย์โลกอนาคตที่คนมีอายุยืนยาวขึ้น แต่มีรูปแบบการทำงานเป็น “ผู้ประกอบการรายย่อย” (Nano-preneur) ที่ทำงานให้หลายบริษัทพร้อมกัน

นอกจากนี้ เขายังแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงใหม่ๆ เช่น เทคโนโลยี “อ่านความคิด” ของ AI และยุค “Fake Everything” ที่ AI สามารถสร้างสื่อปลอมได้อย่างแนบเนียน ซึ่งล้วนต้องการกฎหมายที่ก้าวหน้ามารองรับโดยด่วน

ทางรอดของมนุษย์: ผสานทักษะมนุษย์เข้ากับ AI

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวล นายจิรายุสชี้ว่าทางรอดของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่การต่อต้าน แต่คือการปรับตัวเป็น “AI enabled person” หรือคนที่สามารถใช้ AI ได้อย่างเชี่ยวชาญ เขาเผยว่าในวงสนทนาปิดของนักธุรกิจระดับโลกที่ดาโวส ต่างเห็นตรงกันว่า “คนจะตกงานเยอะมากในอีก 5 ปีข้างหน้า” หากไม่สามารถใช้เทคโนโลยีเป็น

อย่างไรก็ตาม ทักษะทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องควบคู่ไปกับ “ทักษะด้านมนุษย์” หรือ Soft Skills ที่ AI ยังทำแทนไม่ได้ เช่น ความเป็นผู้นำ, การสื่อสาร, การเจรจาต่อรอง, และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งจะกลายเป็นทักษะที่มีค่ามหาศาลในโลกยุคใหม่

Bitkub นำร่องใช้ AI พัฒนาองค์กร

เพื่อยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่ทฤษฎี นายจิรายุสเผยว่า Bitkub ได้นำ “Enterprise Bitkub AI” เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในองค์กรแล้ว พนักงานทุกคนมี “เลขาส่วนตัว” ที่ชาญฉลาด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาการทำงานที่ซ้ำซ้อนได้อย่างมหาศาล โดยมีแผนจะพัฒนาไปสู่การใช้ AI ในการบริการลูกค้าในอนาคต

“ผมเลิกใช้ Google ไปแล้ว” นายจิรายุสทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจ โดยชี้ว่าเขาหันมาใช้ ChatGPT แทน และเชื่อว่าในอนาคต มนุษย์จะโต้ตอบกับ AI เพื่อหาคำตอบโดยตรง แทนที่การค้นหาข้อมูลผ่านลิงก์แบบเดิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อการมาถึงของยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์อย่างเต็มตัว

ชวนเพื่อนๆเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อรับข่าวสาร AI และวิธีใช้งาน AI ได้ทาง

หรือกดที่ลิ้งค์ https://line.me/ti/g2/oDOiEXWEWPAbslz-3LtaOShg4qxIx1YOMA71UA?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

Piyapon pongkaew

บรรณาธิการ / คอลัมนิสต์ ThinkerFriend

New Media Scholar and Data Analyst: MEDIA AI

นักพัฒนานวัตกรรม AI ThinkerFriend – เพื่อนคิด

Profile ประวัติการทำงาน

contact : numsiam.pr@gmail.com

ThinkerFriend.com สังคมแห่งการแบ่งปัน เรื่องราวดีๆ โดยนักคิด นักเรียน และความรู้เรื่องราวที่เป็นประโยชน์ สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับชาว ThinkerFriend ทุกคน

ยอดติดตามทุกช่องทางกว่า 50,000 follow up

สนใจติดต่อ

numsiam.pr@gmail.com